สังคม

เด็กวัย 11 ปีเส้นประสาทเสียหายบางส่วน กรณีถูกไฟดูดสะบัดมือโดนเหล็กบาดเจ็บ - กทม.ลงตรวจสอบพื้นที่แล้ว

โดย kanyapak_w

16 ส.ค. 2567

199 views

จากกรณีที่เพจ "อีซ้อขยี้ข่าว3" โพสต์รูปภาพพร้อมระบุข้อความว่า "เด็กนักเรียนชายถูกไฟดูดที่เสาแล้วสะบัดมือออกไปโดนเหล็กบาด จนเอ็นขาด บริเวณป้ายรถเมล์ ถนนสุขุมวิท 71"



ทีมข่าวได้ลงพื้นที่มายังจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ กทม. เข้ามาตรวจสอบพอดี โดยนาย วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบไม่พบว่าตู้ดังกล่าวไม่มีกระแสไฟฟ้าลัดวงจร หรือมีอะไรชำรุดแต่อย่างใด ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงจะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ทาง กทม. จะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องค่ารักษาพยาบาลของคนเจ็บ รวมทั้งจะมีการตรวจสอบตู้ไฟฟ้าป้ายรอรถเมล์ทุกตู้ใน กทม. ว่ามีตู้ใดที่ชำรุดหรือไม่ และอาจจะมีการพิจารณานำวัสดุอื่นๆมาคุมตู้ไฟฟ้าไว้เพื่อเพิ่มความปลอดภัย


จากนั้น กทม. ได้มาเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาล ซึ่งทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับนาย ฉันพชร อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นพ่อของน้องฌอน(นามสมมติ) เยาวชนชายอายุ 11 ขวบ ผู้บาดเจ็บ เล่าให้ฟังว่า ช่วงที่เกิดเหตุเป็นเวลาประมาณ 16.30 น. น้องฌอนกับย่า กำลังนั่งรอรถเมล์เพื่อที่จะกลับบ้าน โดยน้องฌอนได้นั่งในลักษณะเอาข้อศอกซ้ายเท้าไปที่บริเวณตู้ไฟฟ้า จากนั้นรู้สึกเหมือนมีไฟดูดถึงสะบัดแขนขึ้น ก่อนที่นิ้วก้อยซ้ายจะไปถูกสแตนเลสของตู้ไฟฟ้าบาด ซึ่งขณะนั้นมีวินรถจักรยานยนต์รับจ้างผ่านมาพอดี ย่าจึงได้รีบให้พาไปส่งที่โรงพยาบาลโดยด่วน



ทันทีที่มาถึงโรงพยาบาล หมอได้ทำการผ่าตัด โดยพบว่าเอ็นไม่ขาด แต่มีเส้นประสาทเสียหายบางส่วน ซึ่งหมอให้พักฟื้นดูอาการ 1 เดือน ซึ่งน้องฌอนตอนนี้สภาพจิตใจยังเป็นปกติ ไม่ได้มีอาการซึมหรือเคร่งเครียดแต่อย่างใด และตัวคุณพ่อเองก็รู้สึกสบายใจขึ้นกว่าเดิมหลังจากที่กทม.มาเยี่ยม พร้อมกับรับปากว่าจะดูแลรักษาค่าพยาบาลให้



ขณะที่ทางด้าน นายวินัย วินจักรยานยนต์รับจ้าง ซึ่งเป็นคนที่พาผู้บาดเจ็บไปส่งที่โรงพยาบาล เล่าว่า ขณะนั้นตนมาส่งผู้โดยสารที่ป้ายรถเมล์จุดเกิดเหตุพอดี ก็ได้ยินป้าของคนเจ็บตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ ตนจึงรีบอาสาไปส่งที่โรงพยาบาล ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงเย็นที่เป็นชั่วโมงเร่งด่วน ทำให้การจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก ทำให้ตนไม่สามารถใช้ความเร็วได้อย่างเต็มที่ กว่าที่จะถึงโรงพยาบาลก็ใช้เวลาประมาณ 30 นาที



คุณอาจสนใจ

Related News