สังคม

รพ.นี้ เขตปลอดกุ๊ย! ‘หมอเหรียญทอง’ ด่าแซ่บ แจงปมตบเด็ก ด้านเด็ก 14 รับผงขาวคือเฮโรอีน ซื้อมาซองละ 50 บาท

โดย nattachat_c

16 พ.ค. 2567

398 views

จากกรณี เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2567 เด็กชายวัย 14 ปี ไปเฝ้าภรรยาที่ตั้งครรภ์ แต่เด็กในท้องไม่ดิ้น ซึ่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ แล้วแอบลงมาสูบบุหรี่ที่ชั้น 14 ของอาคาร OPD แต่ควันบุหรี่ได้เข้าไปในระบบปรับอากาศ จนผู้ป่วยและญาติ คนอื่นๆ ได้ร้องเรียน จน รปภ.เข้าไปจับกุม และจับปรับ 5,000 บาท แต่เด็กไม่มีเงิน จึงยึดโทรศัพท์ แถมยังท้าทาย


ต่อมา เจ้าหน้าที่ รปภ.ได้แจ้ง พลตรี นายแพทย์ เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ซึ่ง นายแพทย์เหรียญทอง ได้ตบเด็กไป 3-4 ครั้ง เตะไป 1 ครั้ง และสั่งให้แก้ผ้าออกไปจากโรงพยาบาล

-----------------

วานนี้ (15 พ.ค. 67) เวลา 10.35 น. ที่ สน.ทุ่งสองห้อง ทนายรัชพล ศิริสาคร พร้อม นางสาวกัลยา (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี  มารดา และ เด็กชายวัย 14 ปี เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวน ตามที่ตำรวจนัด เนื่องจากยังเป็นเด็ก ต้องสอบปากคำโดยสหวิชาชีพ


ทนายรัชพล กล่าวว่า วันนี้ ตนจะขอให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบในความผิดที่คู่กรณี ได้กระทำต่อเด็กชายทั้งหมด 5 ข้อหา ได้เเก่

1. ทำร้ายร่างกาย ผู้อื่นจนทำให้เป็นเหตุให้เกิดการทำร้ายจิตใจ

2. ยักยอกทรัพย์

3. ข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใดหรือไม่กระทำการใดหรือทำให้เกรงกลัวอันตรายและเสรีภาพ

4. กักขังหน่วงเหนี่ยว

5. กระทำอานาจาร


โดยจะต้องรอตรวจสอบว่า พนักงานสอบสวนจะพิจารณาให้เข้าข่ายการกระทำความผิดทั้ง 5 ข้อหานี้ หรือไม่


ทนายรัชพลได้ตั้งข้อสังเกตว่า เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลใช้อำนาจเกินขอบเขตในการดำเนินการกับผู้เสียหายในโรงพยาบาล หรือไม่ เนื่องจากผู้เสียหายได้กระทำความผิดกับกฎของโรงพยาบาล ก็ควรต้องทำตามกฏหมาย ซึ่งกฎหมายก็มีบทลงโทษอยู่ ไม่ควรที่จะตัดสิน หรือลงโทษเอง และไม่ใช่เห็นว่าผู้เสียหายมารักษาฟรี แล้วจะทำอะไรก็ได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำนอกเหนือกฎหมาย


ทั้งนี้ ตนยอมรับว่า คู่กรณีมีความเป็นสุภาพบุรุษ เพราะได้ออกมายอมรับกับสิ่งที่ได้ทำลงไป โดยตนยังไม่ได้ติดต่อกับคู่กรณี เพราะอีกฝ่ายไม่อยากเจรจา ในส่วนของการตรวจร่างกายนั้น ที่ทางเเม่ของเด็กชายได้มีการพาไปตรวจมาแล้ว ต้องรอผลตรวจอีกทีว่า ผลจะออกมาเป็นอย่างไร ร้ายเเรงเเค่ไหน

-----------------

นางสาวกัลยา ผู้เป็นแม่ กล่าวว่า ขอโทษ และยอมรับกับการที่ลูกตนไปสูบบุหรี่ในห้องน้ำจริง แต่สิ่งที่คู่กรณีทำกับลูกตนเกินกว่าเกตุ ซึ่งตนไม่เคยกระทำกับลูกเช่นนี้มาก่อน และทางคู่กรณียังไม่ได้มีการติดต่อมาตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ


แต่ยืนยันว่า หากมีการขอโทษจากคู่กรณีหรือคืนทรัพย์สินและยกเลิกการจ่ายค่าปรับ ตนก็จะยังดำเนินเรื่องให้ถึงที่สุดอยู่เช่นเดิม “ลูกหนูก็ไม่ใช่คนดีหรอก สิ่งที่เขาทำผิดหนูก็ยอมรับแต่สิ่งพวกคุณทำผิดก็ต้องยอมรับด้วย” ตนไม่พอใจอย่างมาก มันไม่สมควรเราก็คนเหมือนกัน เขาไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับลูกชายของตน

-----------------

เด็กชายวัย 14 ปี ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนยอมรับว่า ตนไม่รู้ว่าการสูบบุหรี่ในโรงพยาบาลเป็นเรื่องที่ผิด อยากเอาเรื่องให้ถึงที่สุด มาทำร้ายตนแบบยอมไม่ได้ และรู้สึกอายที่บังคับให้ตนถอดเสื้อผ้าเดินออกจากโรงพยาบาลแบบล่อนจ้อน ในส่วนที่คู่กรณีมีการออกมาโพสต์ว่าตนยกพวกไปขับรถจักรยานยนต์กลับก่อกวนที่โรงพยาบาลหลังเกิดเหตุ ตนยืนยันว่าตนไม่ได้ทำเช่นนั้น มีเเต่ตนได้ขอความช่วยเหลือจากประชาชนแถวนั้นให้ติดต่อแม่ของตนให้มารับที่โรงพยาบาล


โดยแม่ของตนได้นั่งรถแท็กซี่มารับตน พร้อมกับญาติของตน ไม่มีการให้พวกมาก่อกวนเเต่อย่างใด เเต่ตนที่ขอติดรถจากพลเมืองดี ที่ตนได้ขอความช่วยเหลือให้ตนติดรถกลับมาดูแฟนของตนที่ยังอยู่โรงพยาบาล ทั้งนี้ ตนอยากฝากถึงคู่กรณีว่า มีสิทธิ์อะไรที่มากระทำเช่นนี้ต่อตน ตนไม่เคยโดนใครทำร้ายเเบบนี้มาก่อน

-----------------

ด้าน พลตรี นายแพทย์ เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้พาทีมข่าวไปดูบริเวณจุดเกิดเหตุ


ซึ่งอยู่ที่อาคาร 3 ชั้น 1 แผนก OPD โดยพาเข้าไปสำรวจในห้องน้ำ หมอเหรียญทอง ได้ชี้ให้ดูป้ายประกาศที่ติดหน้าโถปัสสาวะว่า “โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะเป็นโรงพยาบาลปลอดบุหรี่เด็ดขาด ห้ามสูบบุหรี่ทุกพื้นที่ในโรงพยาบาล” และบอกว่า ป้ายนี้ติดไว้ทั่วโรงพยาบาล แต่เด็กคู่กรณีกลับยังสูบ มองว่าเป็นการท้าทาย และมาลองดี


หมอเหรียญทอง บอกว่าท้าทายแล้วจะให้อยู่นิ่งเป็นสากกะเบือหรือ แล้วปล่อยให้คนไข้สูดควัน จากนั้น ก็ชี้ให้ดูในห้องน้ำที่เด็กชายคู่กรณีเข้าไปสูบ และชี้ให้ดูว่า การที่เข้ามาสูบในห้องน้ำ เพราะคิดว่าจะคละคลุ้งแค่ในห้องน้ำ แต่ที่จริงแล้ว ควันถูกดูดขึ้นไปที่ปล่องดูดอากาศ และปรับอากาศ พอมันดูดเข้าท่อก็กระจายไปข้างนอก บริเวณที่ผู้ป่วยอยู่ และเป็นชั่วโมงกว่าควันบุหรี่จะหมด


หมอเหรียญทอง บอกว่า เด็กถูกพามานั่งรออยู่ที่โถงข้างนอก หน้าห้องน้ำ ก่อนที่คุณหมอจะมาถึง ยังบอกว่า โรงพยาบาลมีเสียงประกาศตามสายทุก 2 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเสียงคุณหมอเอง รวมถึงป้ายที่ปิดประกาศข้อความว่า


“นี่คือประกาศคำเตือนจากโรงพยาบาลงกุฏวัฒนะ ซึ่งเป็น รพ.ปลอดบุหรี่อย่างเด็ดขาด ดังนั้นผู้ลักลอบสูบบุหรี่ในพื้นที่ รพ. ทั้งภายในและภายนอกอาคาร โดยครอบคลุมถึงสุขา ห้องพักส่วนตัว ระเบียงห้องพักผู้ป่วย และหรือลานจอดรถในอาคารต่าง ๆ  ด้วย


ทั้งนี้ ทีมงาน นำโดยผู้อำนวยการ รพ. จะดำเนินการโดยไม่ให้เกียรติผู้ลักลอบสูบบุหรี่ ปรับในอัตราสูงสุด 5,000 บาท และไล่ออกจากพื้นที่ รพ.โดยไม่มีการไว้หน้า ไม่เกรงใจ ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยนอก หรือผู้ป่วยใน หอผู้ป่วย หรือจะมีตำแหน่งสูงส่ง  หรือร่ำรวยเพียงใดก็ตาม


รพ.ไม่ง้อ และไม่ต้องการผู้ใช้บริการ หรือญาติที่ไม่เคารพ และปฏิบัติตามกฎระเบียบของ รพ. ทั้งนี้ท่านสามารถไปใช้บริการที่ รพ.อื่น ๆ ที่ยินยอมให้ท่านทำตามอำเภอใจของท่านก็แล้วกัน


การสูบบุหรี่นอกเหนือจากเป็นภัยแก่ผู้สูบบุหรี่แล้ว ยังส่งผลเสียต่อบุคคลอื่น ๆ ที่ต้องสูดดมควันบุหรี่อันเป็นสาเหตุก่อมะเร็งปอด ไปด้วย ทั้งยังเป็นต้นเหตุแห่งอัคคีภัยในสถานที่โรงพยาบาล ซึ่งเป็นอาคารที่มีผู้ป่วย ผู้มาเยี่ยมเยียน ผู้มาติดต่อ และบุคลากรผู้ทำงานจำนวนมาก


หากผู้ลักลอบสูบบุหรี่ไม่พอใจ และแสดงอาการก้าวร้าวเกรี้ยวกราด ทีมงาน รพ. จะโต้ตอบด้วยความดุเดือด รุนแรง โดยไม่เกรงใจ และไม่เกรงกลัวต่อการเสีย ลูกค้าผู้ใช้บริการ หรือการฟ้องร้อง ร้องเรียนใด ๆ ทั้งสิ้น


โรงพยาบาล ขอประกาศเตือนผู้กระทำการลักลอบสูบบุหรี่ว่า อย่าท้าทาย หรือลองดีกับ รพ.”

----------------

พลตรี นายแพทย์เหรียญทอง เปิดเผยว่า ตนได้จัดการเยาวชนรายนี้อย่างดุเดือดรุนแรง ตอนแรกเจ้าหน้าที่เรียกปรับ 5,000 บาท แต่เขาไม่มีจึงยึดโทรศัพท์ และเจ้าหน้าที่ก็ได้แจ้งตนเลยมาจัดการ โดยตบไป 3-4 ครั้ง เตะไป 1 ครั้ง และสั่งให้แก้ผ้าออกไปจากโรงพยาบาล ซึ่งตนยอมรับผิดในส่วนนี้ และยอมรับว่าตั้งใจอนาจารเพื่อเป็นการสั่งสอน แต่หลังจากนั้น ตนเห็นว่ามีแก๊งจักรยานยนต์มาข่มขู่ขับรถเสียงดังหน้าทางเข้าโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ 6-7 คัน


ทั้งนี้ ต้องบอกว่า การสูบบุหรี่ไม่ใช่แค่อันตรายต่อสุขภาพ แต่สร้างความสุ่มเสี่ยงต่ออัคคีภัย สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโศกนาฏกรรมแล้ว เพราะเคยเกิดเหตุอัคคีภัย ในโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะมาแล้วถึง 2 ครั้ง เมื่อปี พ.ศ.2558 และ พ.ศ.2564 ตนก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบ แต่คนก่อเหตุไม่โดนอะไรเลย


ทางโรงพยาบาลจึงประกาศต่อสาธารณะมาเสมอว่า เราไม่ง้อ ไม่สนผู้ใช้บริการที่เป็นกุ๊ยอันธพาลเกเร คิดจะฝ่าฝืนสูบบุหรี่ เกเร อวดเบ่งบุคลากรทางการแพทย์ กระทำอะไรตามอำเภอใจ ก็ขอเชิญไปโรงพยาบาลอื่นที่ยอมรับได้ ตนทำแบบนี้กับทุกคน ไม่ใช่แค่เยาวชนรายนี้ ถ้าทำผิดกฎไม่ว่าจะเป็นใคร หรือยศใหญ่แค่ไหน ตนก็จะสั่งสอนแบบเดียวกัน แต่สำหรับโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ มีผู้ใช้บริการที่รู้กฎระเบียบสังคมมาใช้บริการอย่างสบายใจ


พลตรี นายแพทย์ เหรียญทอง เปิดเผยอีกว่า ตนไม่สนจะถูกมองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุหรือไม่ เพราะตนคิดว่าเหมาะสม และตนไม่ทราบว่าเขาเป็นเยาวชน ซึ่งก็ยอมรับผิดในส่วนนี้ ถ้าจะโดนจับ ตนก็พร้อม แต่ต้องมีเหตุผลที่สมเหตุสมผล


ทั้งนี้ ตนขอประกาศว่า โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะเป็นเขตปลอดภัยจากบุหรี่ รวมถึงปลอดกุ๊ย ปลอดอันธพาลเกเรด้วย และจะเปลี่ยนจากค่าปรับ 5,000 บาท เป็น 500,000 บาท


ตอนนี้ โทรศัพท์มือถือ และเสื้อผ้าของเยาวชนรายดังกล่าว ยังอยู่ที่โรงพยาบาล ถ้าหลังจากนี้แม่ของเด็กจะมารับคืน ก็สามารถมารับได้เลย ตนไม่คิดค่าปรับเลยสักบาท และถ้าเขาจะดำเนินคดี ตนก็ให้ทำให้ถึงที่สุด ตนก็พร้อมสู้

----------------

ทีมข่าวได้คลิปในคืนวันเกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบันทึกภาพไว้ พบว่า ช่วงต้นคลิป บริเวณห้องน้ำ จะเห็นควันลอยขึ้นไปบนเพดานห้องน้ำ ในคลิปจะได้ยินเสียงเด็กชายเปิดโทรศัพท์ คลิปนี้มีความยาวประมาณ 2 นาทีกว่า ๆ ท้ายคลิป เด็กชายคนนี้เดินออกมาจากห้องน้ำ ในมือถือโทรศัพท์มือถือ ก่อนที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจะถามว่า “น้องทำอะไรอ่ะ ดูดบุหรี่ไหม” ซึ่งเด็กชายคนนี้ก็พยักหน้ายอมรับ จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ตามที่ผู้เสียหายเล่า


ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณด้านนอกโรงพยาบาล เวลา 23.17 น. ปรากฏภาพของเด็กชายวัย 14 ปีวิ่งล่อนจ้อนอยู่ริมทางเท้าเอามือปิดกุมอวัยวะเพศเพื่อวิ่งขอความช่วยเหลือ

----------------

เวลา 15.00 น. แม่ของเด็กชายวัย 14 ปี พร้อมด้วยมูลนิธิวินวิน, นายชยพล สท้อนดี สส.เขตหลักสี่-จตุจักร และนางสาวภัสริน รามวงศ์ สส.เขตดุสิตบางซื่อ พรรคก้าวไกล เพื่อมาจ่ายค่าปรับ และรับเสื้อผ้า โทรศัพท์คืน


ทันทีที่เดินทางมาที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ก็มีเจ้าหน้าที่มาเชิญขึ้นไปที่สำนักงาน ชั้น 8 เพื่อรับทรัพย์สิน โทรศัพท์ และเสื้อผ้าของเด็กชายวัย 14 ปี คืน โดยอนุญาตให้เฉพาะแม่ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิวินวิน รวมถึง สส.ขึ้นไปเท่านั้น


โดยเจ้าหน้าที่มูลนิธิวินวิน ส่งคลิปภาพขณะเปิดถุงมาให้ทีมข่าว พบว่า พอเปิดถุงที่เก็บทรัพย์สินของเด็ก 14 ไว้นั้น นอกจากเสื้อผ้า โทรศัพท์มือถือยังพบถุงซิปล็อกขนาดเล็ก ด้านในบรรจุผงสีขาว 1 ถุง หลอดขนาดเล็ก 1 อัน และ ไฟแช็ก อยู่ในนั้นด้วย ซึ่งไม่ทราบว่า ผงสีขาวที่บรรจุในถุงนั้นคืออะไร ทาง รพ.จึงได้ประสานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบต่อไป โดยยังคงให้แม่เด็ก 14 รออยู่ด้วย


โดยทรัพย์สินทั้งหมดอยู่ในถุงพลาสติกสีน้ำเงิน มีเจ้าหน้าที่เอามา ก่อนที่จะค่อย ๆ ตรวจทรัพย์สิน ซึ่งมีทั้งเสื้อผ้า โทรศัพท์มือถือ รองเท้า ระหว่างนั้น ปรากฏว่า ยังมีของบางส่วนที่ยังอยู่ในถุงพลาสติก ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่ร่วมตรวจสอบ จึงถามว่ ายังมีอะไรอยู่อีกในถุง จึงเทถุงออกมา


ปรากฏว่ามีไฟแช็ก, หลอดตัดขนาดเล็ก และผงสีขาวต้องสงสัยที่อยู่ในถุงซิปล็อกใส ทำให้ทุกคนที่ขึ้นไปต่างตกใจ และพยายามสอบถามว่าเป็นของใคร


เบื้องต้น จึงมีคนบอกว่าสามารถตรวจลายนิ้วมือ หรือดีเอ็นเอได้ ซึ่งในคลิปวิดีโอตอนที่เก็บเสื้อผ้าเด็กไว้หรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็ยืนยันว่ามีกล้องวงจรปิดในโรงพยาบาล


ทั้งนี้ ทางแม่ของเด็กจึงยังไม่ได้มีการรับทรัพย์สินคืน และทางโรงพยาบาล จึงได้ประสานไปที่ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อให้มาตรวจสอบว่า วัตถุที่อยู่ในถุงซิปล็อกคืออะไร หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางมาเก็บทรัพย์สินดังกล่าวไป เพื่อนำไปส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการนำไปตรวจพิสูจน์


จากนั้น แม่เด็กวัย 14 ปี ได้ลงมาจากอาคารสำนักงาน พร้อมยอมรับว่าตกใจที่เห็นถุงซิปล็อกที่มีผงสีขาวอยู่ในถุงเสื้อผ้าของลูก ซึ่งตอนแรกยังไม่เห็น แต่พอเทถุงแล้วพบว่าเจออยู่ในก้นถุง ซึ่งยังไม่รู้ว่าคืออะไร ตอนนี้เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ส่วนตัวยังไม่ได้คุยกับลูกชาย แต่ถ้าหลังจากนี้ตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นยาเสพติด หรือของลูกชาย ก็จะพาไปตรวจหาสารเสพติด


ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาลูกชายเคยมีประวัติเสพสารเสพติดหรือไม่ แม่บอกว่าไม่รู้เลย และถ้าผลตรวจออกมาว่าลูกชายเสพสารเสพติด ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย เบื้องต้น จากการสอบถามเด็ก 14 ปี บอกว่าซองที่พบของตนเองโดยเป็นแป้ง เอาไว้สูดดม อ้างดมเป็นครั้งแรก


ต่อมา สอบถามเด็กชายวัย 14 ย้ำอีกครั้ง ว่า ผงสีขาวในซองพลาสติกซิปล็อกคืออะไร เจ้าตัวตอบว่า “ผมไม่รู้เหมือนกันไม่แน่ใจ ผมซื้อเขามารุ่นพี่ 1 ซอง 50 บาท ผมเก็บไว้ที่ตัวไม่รู้ว่าผิดกฎหมาย ตอนซื้อมาเขาไม่ได้บอกว่าเป็นผงอะไร บอกเพียงว่าลองเอาไปดม ผมใช้ไป 2 รอบ ใช้หลอดตักแล้วดมในห้องน้ำโรงพยาบาล ผมก็อยากลอง”


ทีมข่าวถามย้ำอีก ก่อนที่เด็กชายวัย 14 จะยอมรับว่า เป็นเฮโรอีน ผมอยากลองดม ที่แรกที่บอกว่าเป็นแป้งเพราะมีรุ่นพี่คนหนึ่งบอกว่ามันคือแป้ง ตนเองไม่รู้ว่าถูกหรือผิดกฎหมาย ยอมรับที่ผ่านมาเคยดูดกัญชา เพิ่งใช้เฮโรอีนครั้งแรก


ขณะที่ แม่ของเด็กชายวัย 14 ปี กล่าวว่า ที่แรกตนไม่แน่ใจว่าเป็นเฮโรอีนหรือไม่ ซึ่งลูกชายก็มายอมรับกับตนแล้วว่าคือเฮโรอีน มีคนขายให้ 50 บาท เขาเรียกว่าแป้ง ลูกชายบอกเห็นเขาใช้อยากลองและไม่กล้าบอกแม่ ยอมรับว่าเรื่องนี้ลูกชายของตนผิดก็ว่าไปตามกระบวนการกฎหมาย ที่แรกลูกชายบอกเป็นแป้งตนก็ไม่เข้าใจ โดยตนบอกลูกชายว่าแม่เสียความรู้สึก เสียใจ ซึ่งลูกชายรับปากจะไม่ทำอีก ยืนยันที่ผ่านมา ลูกชายไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แค่สูบบุหรี่ หากลูกถูกดำเนินคดีก็ว่าไปตามกฎหมาย ไม่เข้าข้างลูก ตอนนี้ แม่เครียดปวดหัวที่จบแบบนี้ ขอโทษที่ลูกนิสัยแบบนี้

-------------
วานนี้ (15 พ.ค. 67) พล.ต.นพ.เหรียญทอง โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า


ได้โปรดแชร์ให้ทราบว่า 'ซองบรรจุผง' ตามภาพนี้ร่วงหล่นออกมาจากกางเกงของไอ้กุ๊ย ท่านผู้รู้ได้โปรดให้ข้อมูลผมด้วยว่าน่าจะเป็นผงอะไร อย่างไรก็ตามผมเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง มาตรวจ และขอให้ตรวจสอบประวัติยาเสพติดไอ้กุ๊ยขยะสังคมแล้ว 'ซองบรรจุผง' ร่วงหล่นจากกางเกงของไอ้กุ๊ย


โดยปรากฎขึ้นต่อหน้าแม่ของไอ้กุ๊ย , สส (หลักสี่) , สส (บางซื่อ) และนักข่าวที่เดินทางมาทำข่าวแม่ของไอ้กุ๊ยเดินทางมารับสิ่งของที่ผมยึดคืน หากเป็นผงยาเสพติดจริง จะเป็นผงอะไรครับ ท่าทางไอ้กุ๊ยตัวนี้มันดูพิรุธมาก และน่าสงสัยว่าจะติดยาเสพติด


ซึ่งหากเป็นเรื่องจริง ผมขอให้ ปปส.หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ขยายผลไปถึงขบวนการผู้ค้ายาเสพติดด้วย ผมขอความกรุณาเจ้าหน้าที่ ปปส. และ/หรือท่านทั้งหลายได้โปรดให้ข้อมูลไอ้กุ๊ยตัวนี้ในเรื่องผิดกฎหมายให้ผมด้วยครับ


ทั้งนี้ ผมจะขยายผลการดำเนินการกับไอ้กุ๊ยตัวนี้ทันที หมายเหตุผมขอความกรุณาเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของไอ้กุ๊ยตัวนี้ แล้วน่าจะปรากฎรายชื่อผู้ค้ายาเสพติดและขบวนการด้วย ไม่แน่นะครับ ครอบครัวไอ้กุ๊ยอาจจะเกี่ยวข้องหรือรู้ตัวขบวนการยาเสพติดด้วย
-----------------



คุณอาจสนใจ

Related News