สังคม

เบิ้ล 2 จาน! ภูมิธรรม โชว์กินข้าวเก่า 10 ปี ยังดีอยู่ ซาวน้ำ 15 ครั้ง ลูกค้าแอฟริกาสนใจ หุงแล้วขึ้นหม้อ

โดย nattachat_c

7 พ.ค. 2567

89 views

วานนี้ (6 พ.ค. 67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ นำคณะตรวจสอบข้าวในสต็อกของรัฐบาล ตามโครงการรับจำนำ โดยเดินตรวจทั้งในโกดังเก็บข้าว ซึ่งเป็นข้าว จาก บจก.พูนผลเทรดดิ้ง หลังที่ 4 และ ข้าวจาก คลังกิตติชัย หลังที่ 2


โดยข้าวทั้งหมดเป็นข้าวหอมมะลิ 100 % ที่เก็บในช่วงปี 56/57 จนถึงปัจจุบัน รวมเก็บข้าวเป็นเวลา 10 ปี โดยข้าวในโกดัง เป็นข่าวในโครงการรับจำนำข้าว สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร


การชิมข้าววันนี้ ไม่ได้ชิมกันเฉพาะ นายภูมิธรรม และ คณะ แต่บรรดา สื่อมวลชนที่ลงพื้นที่ไป ก็ร่วมชิมข้าวกับรัฐมนตรีด้วย หลายคนบอกว่าก็ยังกินได้ 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เปิดหม้อข้าวที่หุงเสร็จออกมา นายภูมิธรรม ชมทันที ว่า ยังมีกลิ่นหอมอยู่ ก่อนจะกินข้าวสวยที่หุงเสร็จ กับ กะเพรา ไข่เจียว และ นายภูมิธรรม เบิ้ลข้าว ถึง 2 จานเลย


ทั้งนี้ก่อนจะชิมข้าวโชว์ ยังมีการตั้งจุดซาวข้าวกันที่หน้าโกดังเลย สื่อมวลชนที่ลงพื้นที่ไปติดตามหน้าโกดัง บอกว่า ข้าว 10 ปีที่นำมากินโชว์สื่อวันนี้ มีลักษณะเม็ดข้าวสีเหลืองเนื่องจากระยะเวลาเก็บนาน เจ้าหน้าที่ที่หุงข้าวบอกว่าใช้เวลาในการล้างซาวข้าวทั้งหมด 13-15 น้ำ จึงจะชะล้างสิ่งสกปรกทั้งหมดออกจากข้าวได้


ส่วนช่วงที่หุงข้าว มีการตั้งหม้อหุงข้าวเรียงรายนับ 10 หม้อ แบ่งหุงตาม ล็อตการเก็บข้าว และ ระบุชัดว่า ข้าวหม้อไหนมาจาก โรงสีกิตติชัย หรือ โรงสีพูนผล


นายภูมิธรรม ยังย้ำด้วยว่า ข้าวในโกดังนี้ ยังมีจมูกข้าวอยู่ แต่สีอาจจะเหลืองตามสภาพที่เก็บไว้นาน 10 ปี อยากให้เชื่อมั่นว่า กินได้ปกติ และ รัฐมนตรีและเจ้าของโกดังรวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์จะกินได้ดูก่อน หากเป็นอะไร รัฐมนตรีก็เป็นก่อน นอกจากนี้ยังระบุอีกว่า ถ้าขายข้าวในโกดังได้ เชื่อว่าจะได้เงิน 200-400 ล้านบาท


ส่วนสาเหตุที่ข้าว 10 ปี ในโกดัง ยังมีสภาพดี นายภูมิธรรม และ เจ้าของโกดัง ยืนยันว่า เป็นเพราะ ปฏิบัติตามมาตรฐานของ องค์การคลังสินค้า (อคส.) คือ ดูความเรียบร้อยของคลังไม่ให้มีน้ำรั่ว เพราะ น้ำรั่วจะทำให้ข้าวเน่าเสีย รวมถึง พบว่า โรงสีกิตติชัยรมยาทุก 2 เดือน ส่วนโรงสีพูนผลรมยาทุกเดือน


สำหรับการตัดสินใจลงพื้นที่ไปชิมข้าววันนี้ มีเป้าหมายเพื่อตรวจสอบข้าวและประกาศจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐเป็นการทั่วไป ซึ่งหากย้อนไปก่อนหน้านี้ ตัวนายภูมิธรรมเคยมาชิมข้าวแล้ว 1 ครั้ง แต่ถูกวิจารณ์ว่า ข้าว 10 ปี กินไม่ได้ เหมือนเล่นละคร ข้าวปีหนึ่งก็เน่าแล้ว 5 ปีก็เน่าแล้ว ปัญหาอยู่ที่การเก็บรักษา ถ้าเก็บรักษาดีก็สามารถดูแลได้ ถ้าเก็บไม่ดีไม่ต้อง 5 ปี หนึ่งปีก็เน่าแล้ว ครั้งนี้จึงอยากทำให้เห็นและเพื่อสรุปให้สิ้นข้อสงสัย ว่า ข้าว 10 ปี กินได้


ทั้งนี้ ข้อมูลจากองค์การคลังสินค้า (อคส.) ระบุว่า โครงการรับจำนำฯปี 2556/57 จ.สุรินทร์ คลังกิตติชัย หลัง 2 เป็น ข้าวหอมมะลิ 100% รับมอบข้าวสารตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2557 ถึง 10 มีนาคม 2557 เก็บข้าวแล้ว 10 ปี 2 เดือน รวมปริมาณทั้งสิ้น 26,094 ตัน หรือ 258,106 กระสอบจาก 24 โรงสี และได้มีการระบายข้าวสารแล้ว 3 ครั้ง คงเหลือ 11,656 ตัน หรือ 112,711 กระสอบ


ส่วน คลัง บจก.พูนผลเทรดดิ้ง หลัง 4 (ข้าวหอมมะลิ 100%) รับมอบข้าวสารตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2557 ถึง 29 เมษายน 2557 เก็บข้าวแล้ว 10 ปี 7 วัน มีปริมาณรวมทั้งสิ้น 9,567 ตัน หรือ 94,637 กระสอบ จาก 6 โรงสี ซึ่งระบายข้าวสารแล้ว 4 ครั้ง คงเหลือ 3,356 ตัน หรือ 32,879 กระสอบ


ด้าน นายศุภชัย วรอภิญญาภรณ์ ผู้แทนจากบริษัท ธนสรร ไรซ์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ กล่าวว่า ที่ตนมาร่วมพิสูจน์ข้าวในวันนี้เพราะลูกค้าในแอฟริกาสนใจซื้อข้าวเก่า เพราะหุงขึ้นหม้อหากคุณภาพตรงกับความต้องการของลูกค้าบริษัทก็พร้อมที่จะเข้าร่วมประมูล

----------------

รศ.ดร.สมพร อิศวิลานนท์ นักวิชาการอาวุโส สถาบันคลังสมองของชาติ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านข้าว ได้ให้ข้อมูล ถึงประเด็นว่าข้าวอายุ 10 ปี ยังสามารถบริโภคได้อยู่ ว่าปกติแล้ว ข้าวจะเก็บไว้ไม่นาน ชาวบ้านจะเก็บไว้ปีต่อปีแล้วขายออก


ส่วนประเทศที่ขาดแคลนข้าว ก็อาจจะเก็บเอาไว้ประมาณ 3-5 ปี แต่ข้าวที่นายภูมิธรรมไปแสดงให้เห็น อันนี้เป็นข้าวที่เป็นคดีความจากโครงการรับจำนำ เลยทำให้อายุยืดมาถึง 10 ปี


เมื่อสอบถามว่าข้าว 10 ปียังสามารถบริโภคได้อยู่หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการเก็บว่ามีการดูแลดีหรือไม่ มีการรมควัน มีความชื้นเข้าไปมากน้อยขนาดไหน มีเชื้อราหรือไม่ ดูจากแง่ของ physical หรือ รูปร่างอย่างเดียวไม่ได้ แต่ถ้ามีเชื้อราก็ไม่ควรบริโภค เพราะเป็นอันตรายกับผู้บริโภค


เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ต้องไปตรวจความปลอดภัย ซึ่งจะดูแต่ลักษณะทั่วไปไม่ได้ ควรจะตรวจเรื่องของ food safety เรื่องความปลอดภัยในห่วงโซ่อาหารตามมาด้วย เพราะข้าว 10 ปี เราไม่รู้ว่ามีการรมควันทุกๆ 2-3 เดือน การที่รมไป 10 ปีแล้วมันจะเป็นยังไง อันนี้รัฐบาลไม่ใช่แต่จะขายระบายออก ต้องดูเรื่องความปลอดภัยของผู้บริโภคตามมาด้วย


เมื่อสอบถามว่าแล้วคุณภาพข้าวจะลดลงมีประโยชน์หรือไม่ รศ.ดร.สมพร ระบุว่า กินอิ่มท้องได้ แต่ข้าวหอมมะลิเก็บไว้ 10 ปี ความหอมจะหายไป ข้าวจะมีสีเหลือง เพราะเก็บไว้นาน ถึงแม้ไม่เละ ไม่เน่า ไม่ยุ่ย แต่เวลาไปปรับปรุงคุณภาพ มันก็ไม่ได้ดีเหมือนข้าวที่เก็บปีสองปี


ซึ่งข้าวที่เก็บไว้ 2 ปี อาจจะราคาดีกว่าข้าวที่เก็บไว้ 1 ปี ราคาอาจจะสูงกว่าในเชิงของตลาด เพราะเอาไปทำข้าวมันไก่ ข้าวหมกไก่ ซึ่งจะมีต้นทุนในการเก็บ แต่ข้าวอายุ 10 ปีถึงจะขายออกคุณภาพก็น่าจะต้องเอาคุณภาพมาทอนออกด้วย


เมื่อถามว่าแล้วหากไม่เอาไปรับประทานสามารถเอาไปทำอะไรได้นั้น ก็ระบุว่า สมัยตอน คสช. ถ้าบริโภคไม่ได้ จะเอาไปทำข้าวเป็นอาหารสัตว์ และถ้าต่ำกว่าอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ก็คือไปทำเป็นอุตสาหกรรมแปรรูปหมักเป็นเอทานอล และทำปุ๋ย เพื่อไม่ให้มันเสียหายมาก


ทั้งนี้ ตนเองคิดว่า 10 ปี ถ้าเป็นข้าวหอมมะลิยางมันหมดไปแล้ว ข้าวมันก็จะร่วน ทานไม่อร่อย มันไม่เหมือนกับข้าวที่เก็บไว้ 1-2 ปี เพราะฉะนั้นต้องไปตรวจดูวิธีการเก็บของเขา มันมีมาตรฐานขนาดไหน ตนเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จึงตอบไม่ได้ แต่หากยังเก็บได้มาตรฐาน มีการรมควัน ก็ต้องไปตรวจดูว่ามันมีเชื้อราเกิดขึ้นหรือไม่ใน 10 ปี ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ไม่ใช่คิดแต่ระบายออกโดยไม่คิดถึงผู้บริโภค เพราะเท่ากับไปทำให้ตลาดข้าวเสียหาย แล้วก็ต้องไม่หลอกลวงผู้บริโภค


และถึงแม้ 10 ปี จะสามารถระบายออกได้ ต้องไปดูว่าจะไปปลอมปนกับข้าวอื่น ๆ อีกไหม ในส่วนนี้อาจจะไปปลอมปนกับข้าว 1-2 ปีและขายออกไป ซึ่งผู้บริโภคไม่มีทางรู้ การดูแลลักษณะของห่วงโซ่ ความปลอดภัยรัฐจะต้องทำให้ดี และคำนึงถึงผู้บริโภค

----------------

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ทวีตข้อความเกี่ยวกับ ข้าวสารในโครงการรับจำนำข้าว โดยระบุว่า


“10 ปีผ่านไป กาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่า วาทกรรมข้าวเน่าเป็นความจริงหรือเรื่องเท็จ  ยุทธการ “ตีงูให้กากิน” ในที่สุดหางก็โผล่  ด้อยค่าข้าวในโกดังเกินจริง  เพื่อทำให้ตัวเลขขาดทุนในโครงการจำนำข้าวสูงจนน่าตกใจ เพียงเพื่อให้ร้ายป้ายสีคู่แข่งทางการเมือง แล้วเปิดโอกาสให้พรรคพวกเข้ามาประมูลข้าวที่ยังดีอยู่ในโกดัง (แต่ถูกกระหน่ำว่าเป็นข้าวเน่า) ในราคาถูกๆ นี่ใช่กระบวนการฉ้อฉลที่แยบยลที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยหรือไม่? หลอกลวงผู้คนมานานนับสิบปี ในที่สุด…….?


สมัยนั้นมีกระบวนการตรวจสอบผลประกอบการโครงการจำนำข้าว โดยเข้าไปตรวจข้าวสารในสต็อกของรัฐบาลที่มีอายุเก็บเพียง 1 ปี แต่กลับตีค่าเสื่อมลดมูลค่าลงครั้งละ 20% สองครั้งติดต่อกันในเวลาเพียง 4 เดือน ใครที่เคยสมรู้ร่วมคิดลวงโลกในสมัยนั้น…ละอายใจกันบ้างหรือไม่”

----------------

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/COXLosOm-xY

คุณอาจสนใจ

Related News