2 ตายายลูกแอบขายบ้านร่ำไห้ ซึ้งใจหลายหน่วยงานลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือ

ความคืบหน้ากรณีลูกชายคนโตของครอบครัวหนึ่งใน ต.ท่าวังตาล อ.สารภี จ.เชียงใหม่ แอบขายบ้าน ทิ้งพ่อแม่ป่วยติดเตียงอยู่ภายในบ้าน กว่าจะทราบเรื่องก็ตอนที่เจ้าของคนใหม่มาดูบ้าน เพื่อเตรียมรีโนเวท ทำให้พ่อแม่ถึงกับช็อกเมื่อรู้ว่าบ้านที่อาศัยอยู่ไม่ใช่ของตัวเอง และเสียใจที่ลูกชายทำไปโดยไม่บอกกล่าว ขณะที่นายชานนท์ เจ้าของบ้านคนใหม่ เห็นใจ และพยายามช่วยเหลือสองตายาย อาสาออกเงินค่าเช่าบ้านให้เป็นเวลา 1 ปี

ล่าสุดอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฏหมายและการบังคับคดีจังหวัดเชียงใหม่, เจ้าหน้าที่ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านธรรมปกรณ์เชียงใหม่, นายอำเภอสารภี และเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลท่าวังตาล ร่วมกันลงพื้นที่ไปเยี่ยม นายบุญทา อายุ 65 ปี และ นางสาวอัมพร อายุ 56 ปี สองสามีภรรยาที่บ้านหลังดังกล่าว เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง และหาแนวทางช่วยเหลือ พร้อมกับมอบข้าวสารอาหารแห้งและผ้าอ้อมผู้ใหญ่เป็นการช่วยเหลือเบื้องต้น



โดยนางสาวอัมพร ถึงกับร้องไห้ เมื่อเห็นหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ บอกว่าดีใจที่ไม่ถูกทอดทิ้ง ตอนแรกทุกข์ใจมากไม่รู้จะปรึกษาใคร แต่พอเป็นข่าวลูกชายคนโตที่เป็นคนขายบ้าน ก็ติดต่อผ่านลูกชายคนเล็กรับปากว่าสองสามวันนี้จะกลับมาแก้ปัญหา และหาที่อยู่ใหม่ให้ ตอนนี้ทำงานอยู่ที่กรุงเทพมหานคร เรื่องที่เกิดขึ้นตนเองด้วยความเป็นแม่ก็พร้อมจะให้อภัย จะเป็นอย่างไรก็ยังเป็นลูก เรื่องมันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องทำใจอย่างเดียว



นางสาวอัมพร บอกว่า ตอนนี้สิ่งที่ยังกังวลใจก็คือเรื่องของที่อยู่อาศัย เพราะตนเองสองตายายมีรายได้จากเบี้ยคนพิการและผู้สูงอายุเท่านั้น แม้เจ้าของบ้านคนใหม่จะมาช่วยจ่ายค่าเช้าให้หนึ่งปีแรก แต่หลังจากนั้นหากลูกชายไม่ช่วยจ่ายค่าเช่าให้ก็ยังไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป



ด้านร้อยตำรวจเอกหญิงชญานิศ ภาชีรัตน์ อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดเชียงใหม่ บอกว่า วันนี้มาสอบถามข้อเท็จจริงในเรื่องการขายบ้าน เบื้องต้นนางสาวอัมพรบอกว่าไม่ทราบเรื่องการซื้อขาย แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น จะขอพูดคุยหาทางออกกับลูกชายคนโตก่อน ในส่วนของอัยการคุ้มครองสิทธิก็พร้อมจะดูแลในส่วนของข้อกฎหมายให้ แต่ในตอนนี้ยังไม่เห็นสัญญา ทำให้ยังไม่ทราบว่าการซื้อขายทำถูกต้องหรือไม่ ต้องพูดคุยกันอีกครั้ง แต่หากไม่ถูกต้อง ก็ต้องดูว่าการซื้อขายมาจากเจตนาที่แท้จริงของเจ้าของบ้านหรือไม่ หากไม่มีเจตนาหรือไม่มีส่วนในการขาย อาจต้องเข้าสู่กระบวกการไกล่เกลี่ยหรืออาจต้องใช้สิทธิความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ตามกฏหมาย แต่ทั้งหมดนี้ต้องดูข้อเท็จจริงและเอกสารสัญญาทั้งหมดก่อน

ขณะที่นางสาวอภิรชญา ชัยติกุล ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านธรรมปกรณ์เชียงใหม่ เปิดเผยว่าในวันที่ 27 มีนาคม ลูกชายของสองตายายจะเดินทางมาที่บ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเข้ามาหารือร่วมกันว่าจะช่วยเหลือดูแลพ่อแม่อย่างไร หากไม่มีศักยภาพดูแลได้ทางพม.ก็จะรับไปดูแล เนื่องจากมีสถานรองรับที่จะดูแลได้อย่างเหมาะสม
เบื้องต้นทราบว่าเจ้าของบ้านคนใหม่จะดูแลค่าเช่าบ้านให้หนึ่งปี แต่หลังจากนั้นหากลูกไม่สามารถเลี้ยงดูได้ ก็จะคุยกับสหวิชาชีพ เพื่อหาทางช่วยเหลือสองตามยายอย่างเหมาะสมต่อไป