สังคม

พม.พา 'อาม่า วัย 84' มาพบลูกที่ทอดทิ้ง แต่ไม่พบตัว ร่ำไห้คิดถึงลูก เผยเป็นปีใหม่ที่ต้องอยู่เดียวดาย

โดย thichaphat_d

28 ธ.ค. 2566

450 views

พม.-สายไหมต้องรอด พาอาม่า วัย 84 ถูกลูก 4 คนทอดทิ้ง ป่วยโรคประจำตัวไร้คนดูแล ไปหาลูกสาวถึงบ้านอีกครั้ง แต่ไม่ได้เจอ - ร่ำไห้บอกคิดถึงลูก ปีใหม่ก็ไม่ได้เจอเหมือนบ้านอื่น ขณะที่เพื่อนบ้านเล่า เห็นมาตามหาบ่อยครั้ง นั่งหน้าบ้านตั้งแต่ค่ำยันเช้ามืดอีกวัน แต่ลูกไม่เคยโผล่มาเจอ

จากกรณีที่เพื่อนบ้านร้องมายังสายไหมต้องรอด ก่อนหน้านี้ว่าภายในบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ถ.สุขาภิบาล 5 เเขวงออเงิน  เขตสายไหมมีอาม่าวัย 84 ปี ถูกลูก 4 คนที่เลี้ยงมากับมือส่งเสียให้เรียนจบสูง แต่สุดท้ายทอดทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง และอาม่าเองได้ออกมาเผยทั้งน้ำตา เล่าว่า ตัวอาม่าเองก็มีอาการป่วย เป็นโรคกระดูก และปวดตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณหลัง เวลาไปหาหมอต้องให้ลูกเป็นคนเซ็นเอกสารถึงสามารถผ่าตัดได้ แต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะคิดต่อลูกไม่ได้ นอกจากนี้น้ำ-ไฟที่บ้านก็ถูกตัด ส่งผลให้การใช้ชีวิตยากลำบากมาก

ล่าสุดวานนี้ (27 ธ.ค.66) เวลา 15.00 น. นายพีรพล  สอนไข่ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดปทุมธานี พร้อมเจ้าหน้าที่กระทรวง พม. พร้อมด้วยทีมสายไหมต้องรอด ได้พาอาม่า วัย 84 ปี เดินทางมาหาลูกสาวที่บ้านพักย่านพระราม 2 โดยทันทีที่มาถึง อาม่าไม่ขอลงจากรถ ส่วนลูกสาวปรากฏว่าไม่อยู่บ้านเช่นกัน

จากนั้นอาม่าวัย 84 ปี เล่าว่า เลี้ยงลูกทั้ง 4 คนมาด้วยน้ำพักน้ำแรง ส่งเสียให้เรียนหนังสือ โดยลูกสาวมีลูกสาวคนสุดท้องคนนี้ เป็นคนที่ตนส่งเสียให้เรียนสูงที่สุด ทั้งที่ตัวอาม่าไม่รู้หนังสือเลย และอดมื้อกินมื้อส่งลูกๆ หวังว่าอยากให้มีวิชาความรู้ ทั้งที่สามีหรือพ่อของลูกห้ามไม่ให้เรียน

อาม่า เล่าต่อว่า หลังจากที่ส่งลูกๆ ให้ได้เรียนหนังสือหวังว่าให้มีวิชาความรู้ทำการทำงานที่ดีกลับมาเลี้ยงดูแม่ แต่ปรากฏว่าลูกสาวคนเล็กนี้ ก็ไปคบหาและแต่งงานกับสามีคนปัจจุบัน แต่ไม่มีการตบแต่งอย่างเป็นทางการ (ไม่มีการให้สินสอด) ไม่มีการส่งเสียเลี้ยงดูแม่ ส่วนลูกชายที่อยู่ต่างประเทศ ก่อนหน้านี้เคยส่งเสีย แต่พอแต่งงานเมื่อ 7-8 ปีที่แล้วก็ไม่มีการส่งเสียใดๆ ต่อเลย

อาม่า กล่าวว่า ตอนนี้ที่บ้านถูกตัดน้ำ ส่วนไฟมีคนจ่ายให้ เวลาจะอาบน้ำต้องไปอาศัยเพื่อนบ้าน ส่วนเงินกินเงินใช้ได้มาจากเงินผู้สูงอายุและผู้พิการ เดือนละ 1,600 บาท และบางครั้งก็มีเพื่อนๆมาให้ครั้งละ 500 บ้าง 1,000 บาทบ้าง ส่วนอาหารการกินบางครั้งเพื่อนบ้านแบ่งมาให้ แต่บางวันที่ตนซื้อก็มักจะซื้อข้าวกล่อง กล่องละ 25 บาทและแบ่งกินเป็นสองมื้อ

อาม่า เล่าต่อว่า ตนนั่งรถจากบ้าน ย่านสายไหมมาหาลูกสาวที่ย่าน พระราม 2 บ่อยครั้ง นั่งรถมาหาลูกสาวบ่อยครั้ง เพราะคิดถึง และยังรักลูกอยู่ อยากเจอหน้า เมื่อมาถึงลูกไม่เคยให้เข้าบ้าน แต่ตนก็นั่งรอหน้าบ้านแต่หัวค่ำจนถึงเช้ามืดเป็นประจำ โดยครั้งล่าสุดที่มาคือเมื่อ 14 วันที่แล้ว ก็ยังไม่ได้เจอลูกสาวเช่นกัน

นอกจากนี้ อาม่ายังเล่าถึงอาการเจ็บป่วยของตัวเองอีกด้วยว่า ป่วยเกี่ยวกับโรคกระดูกโดยเฉพาะบริเวณกระดูกสันหลัง ก่อนหน้านี้หมอให้เวลา 2 เดือนในการผ่าตัดตนก็พยายามติดต่อลูกเพื่อให้มาเซ็นรับรองการผ่าตัด แต่ติดต่อใครไม่ได้ ไม่ใช่ว่ามีใครมาไม่ได้ แต่ไม่มีใครมาเลย

ช่วงท้าย อาม่าเผยทั้งน้ำตา บอกว่า อาม่าอยากเจอลูก ตนอายุอยู่ใกล้จะ 90 แล้ว ไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ อยู่บ้านก็ร้องไห้ไม่รู้จะพูดกับใครคุยกับใคร ช่วงปีใหม่ไม่มีการกินข้าว ไม่ได้ไหว้อะไรกันเหมือนกับครอบครัวอื่นเลย นั่งร้องไห้อยู่หน้าบ้านอย่างเดียว ตอนนี้ความรู้สึกของอาม่าคือไม่อยากมีชีวิตอยู่เลย

นอกจากนี้ผู้ที่อาศัยอยู่ละแวกใกล้เคียง ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เคยเห็นอาม่ามารอที่หน้าบ้านลูกสาวบ่อยครั้ง บางทีตนเองก็เอาเก้าอี้ไปให้นั่งรอ บางทีก็ให้อาม่ามาเข้าห้องน้ำ ซึ่งทุกครั้งที่มา อาม่านั่งรถแท็กซี่มาที่บ้าน แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่เจอตัว หรือหากอยู่บ้าน ลูกสาว ก็จะไม่ออกมาเจอ

ซึ่งผู้ที่อาศัยรายนี้ ยังบอกอีกว่า เหมือนไม่ยินดียินร้ายเลย ทำให้อาม่าต้องนั่งรอทั้งวันทั้งคืน พอเช้าอาม่าก็กลับไป แต่ถ้าเมื่อก่อนก็จะมีได้ยินเสียง ลูกเขยออกมาต่อว่าอาม่าบ้าง จนหลายคนไม่กล้าเข้าไปยุ่ง เหมือนกับว่าฝั่งลูกเขยมีการแจ้งความอาม่าด้วยแต่ทราบว่าเรื่องอะไรกัน

ด้านนายพีรพล กล่าาว่า ครั้งนี้พาอาม่ามาหาลูกสาวคนเล็ก อยากมาปรับความเข้าใจกับลูกสาว แต่ไม่ได้เจอเพราะไม่มีใครอยู่บ้าน

ตอนนี้ พม. เป็นคนดูแลอาม่า ซึ่งให้อยู่ที่กรมกิจการผู้สูงอายุ จ.ปทุมธานี ซึ่งอาม่ามาอยู่ได้ประมาณ 7 วันแล้ว และมีการพูดถึงแต่ลูกสาวคนเล็กตลอด

ส่วนร่างกายของอาม่าตอนนี้เดินไม่ค่อยไหว และยังคงมีปัญหาเรื่องกระดูกสันหลัง และจำเป็นต้องรักษา ซึ่งต้องได้การเซ็นรับรองจากลูก

นายพีรพล กล่าวต่อว่า หลังจากวันนี้ที่อาม่าจะยังไม่ได้เจอกับลูกสาว พม.จะรับอาม่ากลับไปดูแล ซึ่งมีทีมสังคมสงเคราะห์ และเจ้าหน้าที่พยาบาลดูแล แต่ทางที่ดีที่สุดคือการกลับมาอยู่ในครอบครัว และคนในครอบครัวน่าจะเป็นคนเข้าใจดีที่สุด

ทั้งนี้ หากลูกสาวของอาม่าดูอยู่ ขอบอกว่า พม. ยินดีเป็นสื่ออกลางในการสื่อสารปรับความเจ้าใจ เพื่อให้เกิดประโยชนสูงสุดกับทั้งสองฝ่าย หากสะดวกสามารถประสานมายัง พม. ได้ตลอดเวลาผ่านเบอร์ 02-577-1815



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/e9KzEr1mm-w

คุณอาจสนใจ

Related News