สังคม

เจ้าของร้านเชียงใหม่ปล่อยโฮ ลั่นไม่เหลืออะไรแล้ว ชี้ 'โคมลอย' ทำไฟไหม้ตลาดวอด

โดย nattachat_c

29 พ.ย. 2566

1.7K views

จากกรณี เกิดเหตุไฟไหม้อาคารพาณิชย์เก่าแก่กว่า 80 ปี ย่านการค้าเก่าแก่ของเมืองเชียงใหม่ ใกล้กับตลาดดอกไม้ริมแม่น้ำปิง และตลาดต้นลำไย กลางเมืองเชียงใหม่ โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลา ควบคุมไฟนานกว่า 3 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงที่โหมไหม้อย่างรุนแรงไว้ได้ ซึ่งเบื้องต้น มึตึกแถวเก่าวอดเสียหาย 9 คูหา  และมีบ้านไม้ด้านหลังอีกหลายหลังวอด 


โดยวานนี้ (28 พ.ย. 66) ช่วงเวลาประมาณตีสาม เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครเชียงใหม่ ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ บริเวณตลาดดอกไม้ ถนนไปรษณีย์ ตำบลช้างม่อย กลางเมืองเชียงใหม่ อยู่ไม่ไกลจากตลาดหลวงและตลาดต้นลำไย ซึ่งเป็นแหล่งการค้าเก่าแก่ที่สุดของเชียงใหม่


จึงได้ระดมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง และเจ้าหน้าที่กู้ภัย ทั้งของเทศบาลนครเชียงใหม่ และจากเทศบาลใกล้เคียงเข้าดับไฟ


โดยจุดเกิดเหตุเป็นเป็นร้านขายของ ในอาคารกึ่งปูนกึ่งไม้ 2 ชั้น และต่อเติมชั้นลอยไว้เก็บสินค้า อาคารหลังนี้มีอายุเก่าแก่กว่า 80 ปี ที่อยู่ติดกัน 9 คูหา ส่วนใหญ่ด้านล่างเป็นร้านค้า ชั้นสอง และชั้นดาดฟ้าเป็นที่เก็บสินค้า แต่ละคูหามีอาคารไม้ต่อยาวออกไปด้านหลังซึ่งเป็นที่เก็บสินค้าเช่นกัน


ด้าน นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ โดยได้ลงมาติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ พร้อมให้กำลังในเจ้าหน้าที่ที่เสี่ยงชีวิตเข้าดับเพลิงในครั้งนี้


ส่วนเจ้าของบ้านที่มาดูจุดเกิดเหตุ หลายคนอยู่ในอาการเสียใจและตกใจอย่างมากในตอนนี้ โดยผู้ว่าฯลงเดินไปตรวจสอบโดยรอบพื้นที่ทั้งหมด ทั้งจุดที่เป็นอาคาร 9 คูหา ด้านหลังอาคารที่เป็นบ้านไม้ซึ่งวอดเสียหายทั้งมด รวมถึงพื้นที่โดยรอบ ทั้งศาลเจ้าปุงเถ่ากง บ้านเรือนประชาชน และฝั่งของพิพิธภัณฑ์ไปรษณีย์ไทยที่อยู่ติดกัน ก่อนที่จะรอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบความเสียหายโดยละเอียดอีกครั้ง

-------------
โดยขณะที่ผู้ว่าฯลงพื้นที่นั้น ได้มีหญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลึงหนึ่งในคูหาที่ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด กล่าวกับผู้ว่าเชียงใหม่ ว่า


ตนเองได้รับทราบจากชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ บอกว่า สาเหตุของเพลิงไหม้นั้น มาจากโคมลอยที่ตกใส่หลังคา ซึ่งหลังคาส่วนใหญ่เป็นไม้ ทำให้ไฟลุกลามรวดเร็ว


ตนเอะใจ และรู้สึกสังหรณ์ใจแต่แรกแล้ว เพราะช่วงกลางคืนก่อนที่จะกลับบ้าน พบว่า มีคนฝ่าฝืนเล่นโคมลอยในพื้นที่ริมแม่น้ำปิง และบนสะพานนวรัตน์ จำนวนมาก ทั้ง ๆ ที่เป็นเขตห้ามเล่น ห้ามปล่อยโคมลอยทุกชนิด กลัวว่าจะไปตกใส่หลังคา และเกิดไฟไหม้


แต่ก็ไม่คิดว่าตนเองจะกลายมาเป็นเหยื่อเสียเอง ตอนนี้ทรัพย์สินเสียหายทั้งหมดแทบหมดตัวเลยในตอนนี้ ซึ่งไม่ควรจะมีคนมาปล่อยในเขตตัวเมืองเช่นนี้
-------------

ด้าน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า


ตอนนี้ ได้มาติดตามความคืบหน้า ตอนนี้ต้องกันพื้นที่ไว้เพื่อความปลอดภัย


เบื้องต้น รอสรุปความเสียหายโดยละเอียดอีกครั้ง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต


ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่ามาจากสาเหตุอะไร ต้องให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าทำการตรวจสอบหาสาเหตุโดยละเอียดอีกครั้ง ถึงจะระบุได้ว่ามาจากสาเตุใด


ส่วนเรื่องของโคมลอยนั้น ยืนยันว่า ในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ ทุกพื้นที่ สั่งห้ามปล่อยโคมลอยเด็ดขาด และมีการส่งเจ้าหน้าที่ตรวจตรวจตรา และมีการจักเตือนห้ามปรามกัน ตามจุดที่มีผู้คนออกมาท่องเที่ยวกันอยู่ตลอดทั้งคืน


ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ แม้จะยังไม่รู้แน่ชัดว่า เกิดจากโคมลอยหรือไม่  แต่ต้องขอความร่วมมือ ไม่จุดไม่เล่นโคมลอย จะดีที่สุด

-------------

ในวันลอยกระทง หรือที่เชียงใหม่ เรียกว่าประเพณียี่เป็ง ทางเชียงใหม่ได้มีมาตรการเข้มในเรื่องของการปล่อยโคมลอย


โดยทางจังหวัดได้ออกประกาศ กำหนดวัน และเวลา ปล่อยโคม รวมถึงลักษณะของโคม และพื้นที่ปล่อยโคมอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้กระทบกับการขึ้นลงของอากาศยาน และเพื่อความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน


โดยสามาถทำการปล่อยโคมได้เพียง 2 วันเท่านั้น คือ วันที่ 27 และ 28 พฤศจิกายน 2566


ในวันที่ 27 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันลอยกระทงเล็ก จะอนุญาตให้ปล่อยโคมควัน หรือว่าวฮม ได้เฉพาะเวลา 10.00-12.00 น. ส่วนโคมลอยและโคมไฟ อนุญาตให้ปล่อยได้เฉพาะเวลา 19.00-01.00 น.


ในวันที่ 28 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันแห่ขบวนกระทงใหญ่ กำหนดให้ปล่อยโคมลอยและโคมไฟได้เฉพาะเวลา 19.00-01.00 น. แต่ไม่อนุญาตให้ปล่อยโคมควันหรือว่าวฮม โดยเน้นย้ำว่า ต้องปล่อยในพื้นที่ที่มีการขออนุญาตแล้วเท่านั้น


ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่ได้กำหนดพื้นที่ห้ามจุด และปล่อยโคม โดยเด็ดขาดใน 6 อำเภอ 39 ตำบล ประกอบด้วย อำเภอเมือง และอำเภอหางดง ทุกตำบล , อำเภอสารภี ในพื้นที่ตำบลขัวมุง ตำบลดอนแก้ว ตำบลสันทราย ตำบลท่าวังตาล และตำบลหนองผึ้ง , อำเภอสันทราย พื้นที่ตำบลหนองหาร , อำเภอแม่ริม พื้นที่ตำบลดอนแก้ว ตำบลเหมืองแก้ว ตำบลริมใต้ ตำบลแม่สา ตำบลริมเหนือ และอำเภอสันป่าตอง พื้นที่ตำบลทุ่งเสี้ยว


ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ชุมชน และอยู่ในรัศมีของเครื่องบิน สำหรับอำเภอและตำบลอื่น ๆ ที่อยู่นอกเหนือพื้นที่ห้ามเด็ดขาด


หากสถานที่ใดจะจัดให้มีการจุด และปล่อยโคมลอย จะต้องยื่นอนุญาตต่อนายอำเภอก่อนไม่น้อยกว่า 30 วัน หรือก่อนวันที่ 28 ตุลาคม 2566 โดยจะต้องทำสัญลักษณ์ หรือสี เพื่อให้สะดวกในการติดตาม หากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น พร้อมทั้งทำบันทึกข้อตกลงแสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหาย และเตรียมแผนรักษาความปลอดภัยรองรับ


แม้จะมีมาตรการเข้ม แต่ก็ยังพบว่า ยังมีการลักลอบปล่อยโคมลอยในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดง ห้ามปล่อยโคมลอยอย่างเด็ดขาดในทุกวันทุกช่วงเวลา โดยมีภาพนักท่องเที่ยวนำโคมลอยมาปล่อยริมแม่น้ำปิงให้เห็นกันตลอดทั้งคืน


และจุดที่เกิดเพลิงไหม้เองก็อยู่ไม่ห่างจากริมแม่น้ำปิง และบนสะพานนวรัฐ ที่มีการลักลอบปล่อยโคมลอยกันในช่วงกลางดึก จนมาเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ขึ้นดังกล่าว ที่ยังต้องรอการตรวจสอบสาเหตุ

-------------

ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 เป็นวันประกวดขบวนแห่กระทงใหญ่ และยังเป็นวันที่อนุญาตให้ปล่อยโคมลอยได้ในพื้นที่ที่กำหนด และยังเสี่ยงที่อาจจะยังมีการลักลอบปล่อยโคมลอยในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก กำลังเจ้าหน้าที่อาจจะไม่เพียงพอ หรือดูแลได้ทั่วถึง


ทีมข่าวได้ตระเวนพื้นที่ พบว่า มีการนำโคมลอยมาวางจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวอยู่ โดยไม่สนข้อห้าม และคำเตือน ทำให้คาดว่าจากเหตุการณ์ไฟไหม้ ชาวบ้านในตัวเมืองเอง ก็อาจจะต้องอยู่กันอย่างหวาดผวา และต้องเฝ้าระวังหลังคาบ้าน พื้นที่ รวมทั้งทรัพย์สิน ของตนเองกันตลอดทั้งคืนอย่างแน่นอน
-------------

ทีมข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ พบว่า มีซากโคมลอยตกลงมาเกลื่อนเป็นขยะ ทั้งตามท้องถนน ริมถนน เสาไฟฟ้า บนต้นไม้ บนอาคาร ตามสถานที่ต่าง ๆ รวมทั้งตามบ้านเรือนประชาชน


โดยพบซากโคมลอยจำนวนมากตกลงมาเกลื่อนเมือง แต่โชคดีที่เป็นซากโคมลอยที่ขี้ไต้ หรือเชื้อเพลิง ได้ไหม้ไปหมดแล้ว


ตัวเชื้อเพลิงที่ใช้ส่วนใหญ่ใช้กระดาษทิชชู่ตัดขวางแล้วชุบพาราฟิน หรือขี้ผึ้ง แล้วใช้จุดเพื่อให้เกิดควัน และความร้อนให้โคมลอยยกตัว เมื่อเชื้อเพลิงเผาไหม้หมดก็จะตกลงสู่พื้น


แต่ที่สำคัญคือ นักท่องเที่ยว และประชาชน ที่นำโคมลอยมาจุดแล้วปล่อยนั้น ไม่ได้มีความชำนาญ โคมลอยอาจจะยังมีความไม่พร้อม และควันไม่เพียงพอที่จะยกตัวให้ลอยขึ้นฟ้าไปได้ ทำให้มีความเสี่ยงที่จะตกไปใส่หลังคาบ้าน โดยที่ยังมีไฟติดอยู่ และอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นได้ง่าย

-------------



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/fG7FPDqKm6w

คุณอาจสนใจ

Related News