สังคม
คุก 105 ปี อดีต ผอ.กองการศึกษา อบจ.ยโสธร ใช้รถหลวงไปตีกอล์ฟ-ขับกลับบ้าน คนอนุมัติโดนด้วย
โดย petchpawee_k
13 ต.ค. 2566
1.1K views
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 จำคุก 105 ปี อดีต ผอ.กองการศึกษา อบจ.ยโสธร ใช้รถหลวงไปตีกอล์ฟ ไปกลับบ้านพัก นายก อบจ.-รองนายกฯ คนอนุมัติโดนด้วย
เมื่อวานนี้ (12 ต.ค.66) นายอดุลย์ วันดี ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดยโสธร แถลงความคืบหน้า กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด กล่าวหานายรุ่งรัก ผู้อำนวยการกองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร กับพวก นำรถยนต์ของทางราชการไปใช้ส่วนตน ในการเดินทางไป-กลับ ระหว่างบ้านและที่ทำงาน และนำรถยนต์ของทางราชการไปตีกอล์ฟ ซึ่งอัยการสุงสุด โดยพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายรุ่งรัก กับพวก เป็นจำเลย
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2566 สรุปได้ว่าขณะเกิดเหตุ นายรุ่งรัก จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ระดับ 8) นายสถิรพร จำเลยที่ 2 ดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร และ นายพงษ์ศิริ จำเลยที่ 3 ดำรงตำแหน่ง รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร รักษาราชการและปฏิบัติหน้าที่ราชการแทนนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร มีพฤติการณ์ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2557 ถึงเดือนมิถุนายน 2558
จำเลยที่ 1 ได้จัดทำใบขออนุญาตใช้รถยนต์ส่วนกลางเสนอต่อจำเลยที่ 2 นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร และเดือนกรกฎาคม 2558 ถึงเดือนมีนาคม 2559 ได้จัดทำใบขออนุญาตใช้รถยนต์ส่วนกลางเสนอต่อ จำเลยที่ 3 รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร รักษาราชการแทน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร เพื่อขออนุญาตนำรถยนต์ คันหมายเลขทะเบียน กค.7127 ยโสธร ไปจอดเก็บรักษาไว้ที่บ้านพักของตน และได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวเพื่อเป็นพาหนะในการเดินทางไป - กลับ ระหว่างบ้านพักและองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร โดยไม่เคยนำรถยนต์มาจอดเก็บรักษาไว้ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธรแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังได้ใช้รถยนต์คันดังกล่าว ไปตีกอล์ฟที่สนามกอล์ฟกรมทหารราบที่ 16 ค่ายบดินทรเดชา จังหวัดยโสธร
พฤติกรรมของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการเอารถยนต์ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธรไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตนโดยมิชอบ เป็นเวลาเกือบ 2 ปี เป็นการกระทำที่ร้ายแรง สำหรับจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้อนุมัติให้จำเลยที่ 1 นำรถยนต์ของทางราชการไปใช้ แต่ไม่ได้รู้เห็นการที่จำเลยที่ 1 นำรถยนต์ไปใช้ส่วนตัวแต่อย่างใด จึงไม่ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต แต่การไม่ดูแลตามหน้าที่ ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก่อให้เกิดผลเสียหายแต่การบริหารราชการแผ่นดินอย่างหลีกเสี่ยงไม่ได้ และจำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3 ได้มีคำพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 นายรุ่งรัก มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123 /1 รวม 21 กระทงโดยให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกกระทงละ 5 ปี รวมจำคุก 105 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 52 ปี 6 เดือน แต่เมื่อรวมทุกกระทงแล้วจำคุกจำเลยที่ 1 ไม่เกิน 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3)
จำเลยที่ 2 นายสถิรพร และ จำเลยที่ 3 นายพงษ์ศิริ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2544 มาตรา 123 /1 ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2544 มาตรา 123 /1 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำเลยที่ 2 รวม 12 กระทง จำคุก 12 ปี และปรับ 240,000 บาท และจำเลยที่ 3 รวม 16 กระทง จำคุก 16 ปี และปรับ 320,000 บาท
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดให้กึ่งหนึ่ง ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน และไม่เคยใช้รถยนต์คันดังกล่าว เห็นควรรอลงอาญา คนละ 2 ปี และให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติคนละ 4 เดือนครั้ง ตลอดระยะเวลาที่คุมประพฤติ และให้ทำงานบริการสังคมหรือสาธารณะประโยชน์เป็นเวลาคนละ 36 ชั่วโมง พร้อมชำระค่าปรับ
นายอดุลย์ วันดี ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช ประจำจังหวัดยโสธร กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นกรณีศึกษาบทเรียนสำคัญสำหรับผู้บริหารท้องถิ่น ข้าราชการประจำ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในพื้นที่จังหวัดยโสธร ที่จะต้องสอดส่องดูแลการใช้รถยนต์ราชการของผู้ใต้บังคับบัญชาให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย และใช้ในราชการเท่านั้น
การนำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน ถือว่าเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ผลประโยชน์ทับซ้อน ก็อาจต้องถูกดำเนินคดีอย่างเช่นคดีนี้ ซึ่งผู้บังคับบัญชาต้องร่วมรับผิดชอบด้วย จึงขอแจ้งเตือนมาด้วยความห่วงใยไม่ให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก และเป็นการเสริมสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติงานโดยไม่นำเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้คดีนี้ยังไม่ถึงที่สุดจำเลยมีสิทธิ์ต่อสู้คดี เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้ได้อีก
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/Kp8En_Ad2ds
แท็กที่เกี่ยวข้อง ข้าราชการทุจริต ,ศาลสั่งจำคุก ,ยโสธร ,ใช้รถหลวงตีกอล์ฟ ,ใช้รถหลวงส่วนตัว