สังคม

'ตาเลี่ยม' วัย 85 ติดโควิด รพ.ไม่มีเตียง ยื่นเงื่อนไขนอน รร.จ่ายเอง 5-6 หมื่น ญาติไม่มีเงิน ต้องพากลับบ้าน

โดย thichaphat_d

16 ส.ค. 2564

328 views

วานนี้ (15 ส.ค.) ทีมข่าวได้รับแจ้งว่ามีผู้ป่วยโควิด-19 ทราบชื่อนายเลี่ยม (สงวนนามสกุล) อายุ 85 ปี อาการวิกฤตนอนรอรับการรักษาอยู่ในบ้านพักภายในซอยเอกชัย 70 ย่านบางบอน กรุงเทพฯ โดยศูนย์ อปพร.บางบอน ลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือเบื้องต้น


โดยก่อนหน้านั้นทางทีมได้ประเมินติดตั้งเครื่องผลิตออกซิเจนให้กับคุณตา แต่วันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา วัดค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ 70 % นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ อปพร.เขตบางบอน ได้ดำเนินการเปลี่ยนสลับจากการใช้เครื่องผลิตออกซิเจนเป็นแบบถังแทน ค่าอกซิเจนในเลือดเพิ่ม 80 ถึง 83 % เท่านั้น


ตั้งแต่ที่ทางทีม อปพร.เขตบางบอน ติดตั้งเครื่องผลิตออกซิเจนให้คุณตา ก็พยายามพูดคุยกับหลานสาวที่เป็นผู้ดูแลให้คำแนะนำ วีดีโอคอล ดูอาการมาโดยตลอด เพราะทางทีมประเมินรับทราบดีว่าอาการคุณตาไม่ค่อยดี และคุณตามีโรคประจำตัวหลายโรค


นางสาวภัทราพรรณ อายุ 31 ปี หลานสาวที่คอยดูแลคุณตาเลี่ยม ตั้งแต่คุณตาทราบว่าตัวเองติดเชื้อและอาการทรุดจะใส่เสื้อกันฝน ถุงมือ คอยป้อนข้าวป้อนน้ำเอายาให้กิน เครื่องวัดค่าออกซิเจนในเลือดเพื่อสังเกตดูอาการตลอดเวลาซึ่งสภาพคุณตา ขณะนั้นเริ่มไม่ไหว แต่หลานสาวก็ยังเฝ้าไม่ห่าง เพราะเป็นห่วงเนื่องจากคุณตา อาศัยอยู่ในบ้านอยู่คนเดียว ลูกหลานแยกกันอยู่บ้านคนละหลัง


ก่อนที่คุณตาเหลี่ยม จะทรุดหนักได้นอนอยู่บนเตียงในบ้าน ใส่สายออกซิเจน หายใจแรง นอนร้องโอดโอยทรมานว่า“กูแย่แล้วเนี้ย” พยายามจะลุกนั่ง แต่หลาน ๆ ทำอะไรไม่ได้ บอกให้คุณตา นอนลง ซึ่งตัวของคุณตา ร้อนมากหลานสาวจึงนำผ้ามาชุบน้ำเช็ดตัวให้ บอกคุณตา ให้ใจเย็น ๆ


ต่อมาอาการคุณตาแย่ลง ระดับออกซิเจนในเลือดก็เริ่มต่ำลงทุกที ทางทีม อปพร.เขตบางบอน จึงให้ญาติพยายามติดต่อรถโรงพยาบาลที่ตรวจหาเชื้อให้คุณตา แต่ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าเตียงเต็ม ทางทีมงานไม่มีทางเลือกจึงตัดสินใจเคลื่อนย้ายคุณตา นำส่งโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้เคียง ซึ่งทางโรงพยาบาลก็รับคุณตา ไว้เพื่อทำการช่วยเหลือ


นางสาวภัทราพรรณ หลานสาว เผยว่า วันเสาร์ ที่ 7 ส.ค.คุณตาเริ่มมีไข้สูง 38 องศา ไอ แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวกพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ลุกเดินได้ตามปกติ ตนจึงหยุดงานอาสามาดูแลและได้ทำการตรวจหาเชื้อด้วยด้วย Antigen Test Kit (ATK) ผลเป็นบวก จากนั้นพยายามติดต่อ 1330 และ 191 รวมถึงหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือนำคุณตาเข้าสู่ระบบการรักษา


หลังจากที่คุณตา อาการจะทรุดลง ตนพยายามเรียกชื่อถามว่า “ตาเป็นอะไร” แต่คุณตา ก็ไม่พูดนอนร้องโอดโอยอย่างเดียวเหมือนเจ็บไปทั้งตัว ทีแรกลุกนั่งกินข้าวได้ ผ่านไป 2-3 วัน ลุกนั่งไม่ไหว ตนพยายามเรียกให้ลุกมากินข้าวแต่คุณตาไม่มีแรงแม้จะขยับตัว และไม่ค่อยกินข้าว จะกินแค่คำสองคำเท่านั้น


จากนั้นวันศุกร์ที่ 13 ส.ค. ตนได้พาคุณตา ไปตรวจเชิงรุกซ้ำอีกครั้งที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เพื่อให้มั่นใจว่าติดเชื้อจริงๆ และให้เจ้าหน้าที่ออกเอกสารยืนยันผลการตรวจ เพราะหลายหน่วยงานที่ตนติดต่อไปจะทวงถามเอกสารยืนยันผลตรวจก่อนที่จะคุณตา เข้ารักษา แต่ไม่มีเอกสารดังกล่าว จึงไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้ หลังตรวจเสร็จ ก็พาคุณตากลับบ้าน


ทั้งนี้ ตนเห็นสภาพคุณตา เหมือนจะไม่ไหว กลัวจะช็อก จึงโทรหาเจ้าหน้าที่ อปพร.เขตบางบอน เพื่อขอความช่วยเหลือและติดต่อไปยังโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แต่โรงพยาบาลแห่งนี้บอกว่ากำลังหาเตียง ตนจึงบอกไปว่า “ให้รีบหน่อยตาหนูไม่ไหวแล้ว” ตอนนั้นได้นำถังออกซิเจนออกเพราะเหลือทางสุดท้าย


จากนั้นได้ติดต่อไปโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ใกล้บ้าน สภาพของคุณตาขนาดนั้นเริ่มแย่ บ่าย 4 โมง ของวันที่ 14 ส.ค. เจ้าหน้าที่ อปพร.เขตบางบอน จึงช่วยกันยกคุณตาขึ้นเปลนอน หามขึ้นรถไปโรงพยาบาลฯ ซึ่งก่อนหน้านั้นได้ประสานเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลไว้แล้ว


แต่เมื่อไปถึงโรงพยาบาลกลับปล่อยให้คุณตา นอนข้ามคืนอยู่ที่เต็นท์หน้าโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลฯ ระบุ ว่าไม่มีเตียง ไม่มีความพร้อมอุปกรณ์ที่จะดูแลผู้ป่วย และไม่รับเคสผู้ป่วยโควิด แต่ยืนยันจะดูแลคุณตาให้เต็มที่ ช่วงดึกวันที่ 14 ส.ค.ทางโรงพยาบาล โทรมาหาถามว่าคุณมีโรคประจำตัวอะไรบ้าง จึงแจ้งไปว่าเป็นวัณโรค


เจ้าหน้าที่ระบุว่าได้เตียงแล้วแต่คุณตา ไม่สามารถนอนร่วมกับผู้ป่วยคนอื่นได้เพราะเป็นวัณโรคต้องแยกห้อง โดยจะจองโรงแรมให้ แต่มีค่าใช้จ่ายค่าห้อง 50,000-60,000 บาท ถ้าไม่ไหวญาติต้องไปติดต่อโรงพยาบาลอื่นเอง ให้หาคืนนั้นเลย จากนั้นตนให้พี่สาวโทร 1330 อีกครั้ง เพื่อขอความช่วยเหลือ “ถ้ามีค่าใช้จ่ายเรารับไม่ไหว” เจ้าหน้าที่บอกจะประสานงานให้


“เงิน 5-6 หมื่นบาท จะให้หนูหาจากที่ไหน คนหาเช้ากินค่ำ ไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น หนูจะรู้สึกเสียใจ ถ้าถึงมือหมอแล้วไม่สามารถรักษาคุณตาได้แล้วส่งกลับมาอยู่บ้านเหมือนเดิม ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงไม่พาคุณตาไปโรงพยาบาล ขอรักษาอยู่ที่บ้านดีกว่า หนูสงสาร ไม่อยากให้คุณตาตายหรอก ถึงได้หยุดงานมาดูแล “


หลานสาว ระบุอีกว่า “หนูเครียดนะ คนที่บ้านเครียดกันทุกคน โทรขอความช่วยเหลือทุกหน่วยงาน ไม่รู้จะทำยังไงต่อถ้าหาเตียงให้ไม่ได้ ทางโรงพยาบาลฯ ให้พาคุณตากลับบ้าน หนูก็คงตัดสินใจพากลับเพราะไม่มีเงิน จะดูแลให้ดีที่สุดไม่รู้จะอยู่ได้นานเท่าไหร่ ถ้าคุณตาจะเสียชีวิตก็ต้องปล่อยให้แกไปอย่างสงบ ญาติ ๆ ทำใจไว้แล้ว หนูเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ เพราะมันหาเตียงไม่ได้ ทางโรงพยาบาลฯ รับคุณตาไปแล้วก็น่าจะช่วยรักษา ไม่ใช่มายื่นข้อเสนอแบบนี้”


ด้านนางสาวบุญมา อายุ 59 ปี ลูกของคุณตาเลี่ยม กล่าวว่า ตนไม่มีปัญญาที่จะหาเงินไปจ่าย เพราะทำงานหาเช้ากินค่ำไปวัน ๆ ตอนนี้ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่คิดจะทำอย่างไรให้เจ้าหน้าที่ช่วยรักษาคุณพ่อให้หาย ลูกสาว จึงช่วยติดต่อหน่วยงานต่าง ๆ แต่ยังไม่มีหน่วยงานไหนยื่นมือมาช่วย รู้สึกลำบาก ตนไม่อยากให้พ่อกลับมารักษาอยู่ที่บ้านเพราะไม่มีใครดูแล ต่างคนต่างทำงาน


ลูกสาวไม่อยากให้ตนเข้ามาใกล้ เพราะตนเองอายุเยอะและมีโรคประจำตัวหลายโรคทั้งเบาหวาน ความดัน หวั่นถ้าได้รับเชื้อจะแย่ไปอีกคน ลูกสาวจึงอาสาเข้าไปดูแลแทน ตนทำได้เพียงส่งข้าวส่งน้ำ เห็นสภาพคุณพ่อแล้วรู้สึกสงสารอยากให้รักษาให้หาย จะได้ไม่ต้องทรมาน ตนเองก็หมดปัญญาไม่รู้จะช่วยอย่างไร เพราะเราไม่ใช่หมอ สอบถามอะไรคุณพ่อกับพูดไม่ได้ได้แต่ร้องเจ็บ

ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่าคุณตาเลี่ยม ได้เตียงแล้ว ถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลพีเอ็มจี หรือ โรงพยาบาลพระราม 2 แล้ว เพื่อเข้ารับการรักษาอาการป่วยโควิด



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/fcP3RYIJWBE

คุณอาจสนใจ

Related News