สังคม
"ลืมตาอ้าปากได้เพราะพระองค์ท่าน" สมาชิกส่งเสริมอาชีพกลุ่มศิลปาชีพ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ "พระพันปีหลวง"
10 ชั่วโมงที่แล้ว
26 views
ผู้สื่อข่าวไปที่โครงการส่งเสริมศิลปาชีพ อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ได้พูดคุยกับ ได้พบกับ นางพันนี อายุ 54 ปี สมาชิกโครงการส่งเสริมศิลปาชีพอำเภอกระสัง เผยว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จมาที่หมู่บ้านยากจนของพวกตนเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2536
จากนั้นพระองค์ทรงให้ตั้งกลุ่มปลูกหม่อนเลี้ยงไหม มีสมาชิกในตอนนั้นกว่า 300 คน เพื่อส่งเสริมเกษตรกรที่ยากจน หันมาปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเป็นรายได้เสริม จนกระทั่งโครงการโตและเกษตรกร มีรายได้เสริมจากการทำนา โดยเฉลี่ยปีละกว่า 45,000 บาท
โดยทุกวันนี้ศูนย์ศิลปาชีพอำเภอกระสัง มีเนื้อที่ 117 ไร่ ผลิตใบหม่อนได้ ปีละมากกว่า 70,000 กิโลกรัม อีกทั้งยังเลี้ยงไหมแล้วนำมาผลิตเป็นเส้นไหมได้ ประมาณ 1,000 กิโลกรัม สมาชิกกลุ่มทอผ้าไหมในโครงการสามารถทอผ้าไหมลายโบราณ และลายที่ออกแบบขึ้นใหม่ ซึ่งมีความซับซ้อนสวยงาม โดยเฉพาะลาย "หางกระรอกคู่ตีนแดง" ที่เป็นลายประจำจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อนำไปจำหน่ายผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่ให้การสนับสนุนส่งเสริม ได้ช่วยสร้างรายได้ให้ราษฎรในชุมชน มีกำลังในการพัฒนาตนเอง ตลอดจนได้สืบทอดศิลปวัฒนธรรมประจำถิ่น สมดังพระราชปณิธาน ของพระพันปีหลวง
ทำให้เมื่อทราบข่าวร้าย พระพันปีหลวงสวรรคต ทุกคนต่างใจหาย และเสียใจเป็นอย่างมาก โดยตั้งใจกันว่า สมาชิกทั้งหมดจะยังสานต่อโครงการของพระองค์ท่านเพื่อส่งต่อลูกหลานต่อไป
ส่วนยายวงเดือนวัย 93 ปี อดีตประธานกลุ่มทอผ้าไหม้ศูนย์ศิลปาชีพนาหว้า ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ช่วยพลิกชีวิตชาวบ้านจากคนยากจน สู่การมีอาชีพมั่นคงในการทอผ้าไหม
คุณยายวงเดือน อุดมเดชาเวทย์ อายุ 93 ปี ชาวบ้านอำเภอนาหว้า และเป็นอดีตประธานกลุ่มทอผ้าไหมศูนย์ศิลปาชีพนาหว้า จังหวัดนครพนม หลั่งน้ำตาหลังรู้ข่าว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคต
โดยคุณยายบอกว่า ตนร้องไห้ทั้งคืนด้วยความอาลัย และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ เพราะในหัวใจของชาวนาหว้า พระองค์ทรงเป็นเสมือน "แม่ของศิลปาชีพ" และเป็นเสาหลักของผู้หญิงไทยทั่วประเทศ ที่ทรงยกฐานะความเป็นอยู่ของชาวบ้านให้ดีขึ้น
"ถ้าไม่มีพระองค์ท่าน วันนี้คงไม่มีผ้าไหมนาหว้า ไม่มีอาชีพทอผ้าให้ลูกหลานได้ทำ..พระองค์คือแม่ที่แท้จริงของพวกเรา"
คุณยายวงเดือน ได้เล่าย้อนถึงวันวานว่า เดิมทีชาวบ้านนาหว้า มีฐานะยากจน ทำไร่ทำนาเป็นหลัก รายได้ไม่พอเลี้ยงครอบครัว กระทั่งได้รับพระราชทานโอกาสจากโครงการศิลปาชีพ ที่ทรงส่งเสริมการทอผ้าไหมพื้นบ้าน จนเกิดเป็นกลุ่มทอผ้าไหมศูนย์ศิลปาชีพนาหว้าในเวลาต่อมา
ทำให้ผ้าไหมนาหว้ากลายเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และกลุ่มยังคงมีคำสั่งซื้อต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งทั้งหมดนี้ คุณยายวงเดือนกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า เป็นผลจาก "พระเมตตาที่ไม่สิ้นสุดของแม่หลวงของแผ่นดิน" "พระองค์จะอยู่ในใจลูกหลานศิลปาชีพตลอดไป"
ด้านนางอังคณา อายุ 78 อดีตข้าราชการครู ที่โรงเรียนบ้านเชียงประชาเชียงเชิด นำรูปถ่ายสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อครั้งเสด็จทอดพระเนตรหลุมขุดค้นโบราณวัตถุ นำมาซึ่งความปลาบปลื้มแก่พสกนิกรชาวบ้านเชียง เป็นอย่างมาก
โดยบ้านไทพวนซึ่งอยู่ข้างๆ บ้านของนางอังคณา เป็นบ้านที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 แลพระราชินี เคยเสด็จขึ้นไปบนบ้าน จากนั้นนายพจน์ มนตรีพิทักษ์ เจ้าของบ้าน ได้ถวายบ้านให้ทั้งสองพระองค์ท่าน จนนำมาซึ่งการอนุรักษ์บ้านเก่าไทพวน โดยการดูแลของกรมศิลปากรจวบจนมาถึงปัจจุบัน
นางอังคณา เล่าว่า ย้อนไปเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2515 ในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระราชินี เสด็จด้วยเฮลิคอปเตอร์มาลงที่ทุ่งนาคำ ตอนนั้นมีประชาชนมาเฝ้ารับเสด็จจำนวนมาก จากนั้นทั้งสองพระองค์ได้เสด็จไปดูเจ้าหน้าที่ขุดคุ้นโบราณวัตถุ ทั้งโครงกระดูกโบราณ ไหลายบ้านเชียง จากนั้นก็เสด็จมาที่หน้าบ้านของนายพจน์ มนตรีพิทักษ์ ซึ่งเป็นอาของตนเอง
จากนั้นทั้งสองพระองค์ก็เดินขึ้นไปบนบ้านไทพวนของนายพจน์ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงตรัสว่า บ้านแบบนี้ทำด้วยไม้ หาดูไม่ได้อีกแล้ว หาได้ยาก ให้รักษาเก็บไว้ให้ดี แต่นายพจน์ได้ถวายมอบให้ในหลวงรัชการที่ 9 และพระราชินีในวันนั้นเลย
จากนั้นในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็ให้กรมศิลปากรดูแล จากเดิมเป็นไม้เก่าๆ แต่ตอนนี้กรมศิลปากรปรับปรุงและซ่อมแซมบ้านเก่าไทพวนหลังนี้ ให้ลูกหลานได้มาศึกษาประวัติศาสตร์ที่ชุมชนแห่งนี้ให้คงอยู่สืบไป
นางอังคณา กล่าวอีกว่า ตนเองมีโอกาสได้เฝ้ารับเสด็จทั้งสองพระองค์อย่างใกล้ชิด ตอนนั้นอยู่ที่โรงเรียนประชาเชียงเชิด ปลื้มปิติมากก้มกราบทรงพระเจริญ และมีประชาชนที่มาเฝ้ารอรับเสด็จ เปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องทั่วโรงเรียน จำได้ว่ามีชาวบ้านนำวัว 3 ขามาถวายในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระราชินี แต่ตำรวจว่า พระองค์ท่านเอาไปด้วยไม่ได้ แต่พอทั้งสองพระองค์มาเห็น ก็มอบวัวให้กับชาวบ้านเป็นวัวพระราชทานเลย หลังทราบว่า พระพันปีหลวงเสด็จสวรรคต ตนเองเสียใจอย่างสุดซึ้ง พระองค์ท่านจะสถิตย์อยู่ในหัวใจตราบชั่วนิรันดร์
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/opXQT6-5En4
แท็กที่เกี่ยวข้อง สมเด็จพระพันปีหลวง ,พระพันปีหลวง