DSI เร่งสอบพยานปากเอก จ่อแจ้งข้อหาเพิ่ม 18 บอสดิไอคอน ด้านทนายเผยเตรียมแผนยื่นประกัน

ดีเอสไอ เร่งสอบพยานปากเอก ที่ยังให้เคยให้ข้อมูลที่ไหนมาก่อน ก่อนจ่อแจ้งข้อหา 18 บอส ของดิไอคอนเพิ่ม ขณะที่ทนายบอสพอล แจง ดิไอคอน พาพนักงานเที่ยวทริปอิตาลี ยันไม่มีอะไรแอบแฝง



พันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ รักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เปิดเผยว่าวันนี้ชุดทำงาน จะมีการสอบพยานปากสำคัญในคดีบริษัทดิไอคอนค่อน ซึ่งเป็นพยานที่ยังไม่เคยให้การ และพยานปากนี้ มีความสำคัญในการนำไปสู่การพิจารณาตั้งข้อกล่าวหา และแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับกลุ่มผู้ต้องหาซึ่งเป็นบอสทั้ง 18 คน



ส่วนกรณีที่นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความบอสพอลและกลุ่มผู้ต้องหาดิไอคอน เตรียมจะนำพยานกลุ่มแรก20คน ไปให้ปากคำกับดีเอสไอ ในวันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน และเตรียมประสานพาพยานให้ปากคำ 2,000 คนนั้น



ในประเด็นนี้ตนเองยังไม่ทราบ คงต้องประสานกับพนักงานสอบสวน ส่วนพยาน 2 พันคนซึ่งเป็นฝั่งของผู้ต้องหานั้น ต้องดูว่าเป็นพยานฝั่งผู้ต้องหาที่เคยมาให้การหรือยัง ถ้ามาให้การแล้วจะเปลี่ยนคำให้การ หรือให้การเพิ่มเติมคงต้องให้รายละเอียด แล้วคณะพนักงานสอบสวนจะเป็นคนพิจารณาวิเคราะห์ความผิด หรือเป็นลักษณะของการแก้ข้อกล่าวหาอะไรหรือไม่



หากเป็นประเด็นซ้ำๆเดิม แล้วต้องสอบจำนวนมากขนาดนั้น คงเป็นการทำให้คดีล่าช้าแล้วเกิดความเสียหาย ก็คงจะไม่ได้สอบทั้งหมด หากเป็นพยานที่ไม่เคยให้ปากคำก็คงต้องสอบและรับฟัง ส่วนจะเป็นดีเอสไอสอบเอง หรือให้ ให้ตำรวจ ปคบ. ร่วมสอบด้วยหรือไม่ ต้องประชุมกันอีกที



ขณะที่นายวิฑูรย์ ทนายความบอสพอล เปิดเผยว่าในวันจันทร์นี้ จะพาพยาน กลุ่มแรก 20 คนไปให้ปากคำ ส่วนจำนวนพยานทั้งหมดขณะนี้ มี 2400 คน ที่ต้องการไปให้ปากคำกับดีเอสไอ



ส่วนล่าสุดที่ได้เข้าไปเยี่ยมผู้ต้องหาทั้ง 18 คนนั้น ทุกคนปรับตัวได้หมด ไม่ได้มีความเครียดอะไร แต่ส่วนใหญ่เป็นห่วงครอบครัวและอยากเจอคนในครอบครัว



ส่วนเรื่องการประกันตัว คาดว่าอาจจะมีการวางแผนในการประกันตัวผู้ต้องหาในช่วงผลัดที่2 และผลัดที่3 โดยบอส ทั้ง 18 คน ได้เตรียมวงเงินประกันตัวไว้ละคนละ 3 ล้านบาท เนื่องจากก่อนหน้านี้บอสดารา 3 คน ได้มีการยื่นประกันตัวต่อศาลครั้งแรก โดยใช้เงินสด 2 ล้านบาท แต่ไม่ได้รับการพิจารณา



นอกจากนี้ทนายวิฑูรย์ ยังได้ชี้แจงถึงประเด็นที่ บริษัทดิไอคอน เผยแพร่เอกสาร ทริปท่องเที่ยวอิตาลี ซึ่งกำหนดการรอบแรก คือวันที่ 2 พฤศจิกายน ก็คือวันนี้ จนถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน ส่วนรอบที่สอง คือวันที่ 12 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 18 พฤศจิากยน โดยในเอกสารยังย้ำว่าทริปนี้ ยังคงเป็นไปตามกำหนดการเดิม



โดยนายวิฑูรย์ เปิดเผยว่า ทริปท่องเที่ยวนี้ เป็นไปตามข้อตกลงสำหรับตัวแทนที่มีการขายบิล และขายสินค้าได้ตามข้อกำหนดของบริษัท



เมื่อขายยอดได้ตามที่กำหนดไว้ก็จะต้องพาไปเที่ยวตามที่มีการทำสัญญากันไว้ ซึ่งส่วนใหญ่กลุ่มคนที่ไปเที่ยว คือ ตัวแทนจำหน่ายของบริษัท ซึ่งคนในทริปนี้ยืนยันว่าจะไปเที่ยวตามกำหนดการเดิม เนื่องจากมีการจ่ายเงินสำหรับทริปนี้เป็นที่เรียบร้อย



ซึ่งเดิมที่ทริปนี้จะมีบอสบางคนไปร่วมท่องเที่ยวด้วย แต่ขณะนี้ไม่สามารถไปได้เนื่องจากอยู่ภายในเรือนจำ พร้อมยืนยันว่าทริปนี้เป็นทริปท่องเที่ยวธรรมดามีตั๋วขาไปและตั๋วขากลับไม่มีอะไรแอบแฝงแน่นอน

ขณะที่พลตำรวจตรีจรูญเกรียติ ปานแก้ว หรือ บิ๊กเต่า รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยถึงการดำเนินคดีกับกลุ่มเทวดา และ กลุ่มที่มีคลิปเสียง ที่ไปรีดเงินบอสพอล โดยในส่วนของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เรียกรับเงิน 7.5 ล้านบาท ซึ่งทนายตั้มบอกว่าเงินจำนวนนี้ เพื่อจำนำมาเยียวยาให้ผุ้เสียหายกลุ่มเปราะบาง

ซึ่งบิ๊กเต่า เปิดเผยว่าขณะนี้ตำรวจยังรอหลักฐานจากทนายวิฑูรย์ เพราะขณะนี้มีเพียงคำให้การเบื้องต้นของนายวิฑูรย์เท่านั้น และหลังจากนี้จะต้องมีการตรวจสอบโทรศัพท์ของสำนักงานของทนายตั้ม เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นเลขาของสำนักงาน หรือผู้ใดเป็นคนโทรศัพท์ติดต่อบอสพอลไป ก่อนที่บอสพอลจะติดต่อกลับไปหาทนายตั้ม

ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็จะมีการเข้าไปสอบปากคำบอสพอลในเรือนจำพิเศษกรุงเทพเกี่ยวกับประเด็นนี้ และจะต้องมีการเรียกทนายตั้มและผู้เกี่ยวข้องสอบปากคำด้วยเช่นกัน



รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/VMl357F8XUg