เปิดเบื้องหลังธุรกรรมลวงกู้เงินธนาคาร บริษัทรับเคลียร์หนี้ ความเสียหายมากกว่า 3 พันล้าน

3 มิติ ยังคงตามต่อกรณีบริษัทแห่งหนึ่งย่านปทุมธานี ที่ชักชวนผู้มีหนี้สินเข้าร่วมโครงการโดยบริบัทจะปิดหนี้ทั้งหมด แต่ผู้เข้าร่วมจะต้องเช่าซื้อคอนโดมีเนี่ยม แทนที่หนี้จะหมดกลับเพิ่มขึ้นจนไม่มีปัญญาชำระหนี้ 3 มิติจะชี้ให้เห็นข้อสงสัยหลายอย่างในการทำธุรกรรม ทั้งการเช่าซื้อคอนโด และเส้นทางการเงิน

ล่าสุด มูลนิธิปวีณาฯเตรียมประสาน รมว.ยุติธรรม ช่วยตรวจสอบเพราะคาดว่า มูลค่าความเสียหายน่าจะเกิน 3,000ล้านบาท ผู้เสียหายคนนี้ เขา บอกเลิกสัญญากับบริษัท ที่เสนอปิดหนี้ให้ เพราะ เขา เห็นธุรกรรมที่เกิดขึ้นเป็นการล่อลวง เขาบอกว่าตัว เขา มีคอนโดมีเนี่ยม ที่บริษัทเป็นดำเนินการอยู่ทั้งหมด 5 ห้อง มี 5 ธนาคารเป็นให้กู้ ทำให้ปัจจุบัน ตัวเขามีหนี้ทั้ง 15 ล้านทางจากหนี้เก่า 5 แสนที่บริษัทฯ เสนอปิดให้


ข้อมูลจากผู้ทุกคนที่ทำธุรกรรมกับบริษัทฯรับเคลียร์หนี้ และธุรกรรมที่ทำกับธนาคารทั้ง 8 ธนาคาร เป็นรูบแบบเดี่ยวกันทั้งหมด เมื่อทุกคนทำสัญญากับบริษัทฯเพื่อปิดหนี้สินเดิมที่เคยมีอยู่ให้ จากนั้นเข้าสู่กระบวนการยื่นขอซื้อคอนโดมีเนี่ยม โดยใช้หลักฐานของผู้เสียหาย กระจายยื่นกู้ทุกธนาคาร เป็นที่น่าสังเกตุว่า การปิดหนี้สินเดินของผู้เสียหาย ไม่ต่างจากการฟอกตัวก่อนยื่นขอกู้เงิน


ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมทุกคนจึงสามารถกู้ซื้อคอนโดมีเนี่ยมได้ ตั้งแต่3 ห้องเป็นอย่างน้อย มากสุดเท่าที่ปรากฏขณะนี้ คือ 6 ห้อง ทั้งหมดนี้อยู่บนเงื่อนไขที่ว่า 2 -5ปีแรก บริษัทฯจะเข้ามาบริหารจัดการห้องที่มีอยู่โดยการปล่อยเช่า หลังครบสัญญา บริษัทจะคืนทั้งหมด


การทำธุรกรรมทางกาารเงินเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสงสัย หลังธนาคารอนุมัติสินเชื่อเช่า-ซื้อโด จะมีหญิงสาวคนหนึ่งโทรมาติดต่อกลับแจ้งข่าวดี กับผู้เสียหาย ซึ่งขั้นตอนนี้อาจดูเป็นเรื่องปกติ แต่แท้จริงแล้วหญิงสาวที่โทรบอกเพียงเพราะต้องการให้ผู้เสียหายถอนเงินส่วนต่างที่ธนาคารออกเช็คให้ จากนั้น จะให้โอนต่อไปที่ บัญชี คนที่ชื่อ วชิระ ฯ เป็นกรรมการบริษัทแทนที่จะเป็น การโอนเข้าบัญชีของบริษัท บัญชีของผู้เสียหายเป็นเพียงทางผ่านเท่านั้น และเมื่อครบกำหนดชำระธนาคาร หญิงสาวที่ชื่อ อัญชิกา จะเป็นคนโอนเงินจากบัญชีตัวเอง เข้าบัญชีผู้เสียหาย เพื่อให้ธนาคารหักค่าผ่อนชำระ


ส่วนเรืองค่าเช่าคอนโดมีเนี่ยม ที่ผู้เสียหายทำสัญญาไว้กับบริษัทผู้เช่าจะโอนจะโอนเข้าบริษัท จากนั้น บริษัทจะโอนต่อไปยังผู้เสียหาย แต่สุดท้ายปลายทางของเงินก็จะถูกโอนต่อไปบัญชีวชิระ ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท น.ส.นันท์วาภัทร นพชัยกิตติยุต ทนายความที่เข้ามาช่วยผู้เสียหาย บอกว่า บริษัทฯอาศัยช่องว่างข้อกำหนดของสถาบันการเงิน จำทำให้ คนๆเดียวกู้ได้ทั้ง 3-6 ธนาคาร


ล่าสุด นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้มีการประสานหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เนื่องกรณีที่เกิดขึ้นมีความสลับซับซ้อน และเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเงินที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก และมีมูลค่าความเสียหายสูง