เปิดประวัติโชกโชน "เสี่ยโจ้" เจ้าพ่อค้าน้ำมันเถื่อน โยงธุรกิจสีเทาหลายวงการ

รวบ เสี่ยโจ้ เจ้าพ่อค้าน้ำมันเถื่อน ความผิดฟอกเงิน-ค้าน้ำมันเถื่อน และหลบหนีในคดีปลอมเอกสารเกี่ยวพันคดีเคลื่อนย้ายไม้ ขณะที่เจ้าตัวให้การปฏิเสธทุกข้อหา

ตำรวจกองปราบปราม เข้าจับกุม นายนายสหชัย เจียรเสริมสิน อายุ 53 ปี หรือเสี่ยโจ้ บริเวณตลาดห้วยขวาง เมื่อตีหนึ่งของเมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากถูกออกหมายจับในคดีฟอกเงินจากการค้าน้ำมันเถื่อน และอีกหลายคดีตั้งแต่ปี 2555 เนื่องจากเสี่ยโจ้ ได้หลบหนีออกไปประเทศเพื่อนบ้านเมื่อปี 2561 และหลบเข้า-ออกประเทศหลายครั้ง หลังเข้าควบคุมตัว ตำรวจได้นำตัวมาสอบสวนที่กองปราบปราม

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งสอบปากคำนายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ กล่าวว่า ผู้ต้องหาถูกหมายจับในหลายคดี และบางคดีได้หมดอายุความไปแล้วอีกทั้งผู้ต้องหาได้หลบหนี ไม่ไปฟังคำสั่งศาล 

ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2555 เจ้าหน้าที่หลายหน่วยได้ตรวจค้นเรือน้ำมันกลางน่านน้ำ จ.สงขลา หลายครั้ง ยึดของกลางน้ำมันเถื่อนหลายพันลิตร และเงินสดกว่า 50 ไปถึง 120 ล้านบาท และเมื่อ สืบสวนขยายผลไปตรวจค้นที่บริษัทค้าไม้ในจ.ปัตตานีพบเอกสารซื้อขายน้ำมันเถื่อน 400-500 ล้านลิตร อีกทั้งยังพบหลักฐานการจ่ายเงิน ให้กับหลายหน่วยงาน พนักงานสอบสวนได้มีความเห็นสั่งฟ้องไป และส่งไปที่อัยการสูงสุด ขณะนี้คดียังไม่เสร็จสิ้นอัยการอยู่ระหว่างสั่งสอบเพิ่มเติม

ต่อมาปี 2558 พนักงานสอบสวน ปอศ. เห็นว่าการค้าน้ำมันเถื่อนเป็นความผิดมูลฐานฟอกเงิน ปี 2564 ได้มีการออกหมายจับ ซึ่งเสี่ยโจ้ ถือพาสปอร์ต 2 สัญชาติ ทั้งไทยและกัมพูชา ทำให้เข้า-ออกนอกประเทศได้สะดวก ติดตามจับยาก และเป็นคนกว้างขวาง จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ตลอดข้อกล่าวหา

จากไทม์ไลน์ที่ปรากฎ พบมีหลายหน่วยงานเข้าจับกุม แต่ก็ยังไม่เคยถูกดำเนินคดี จากการเข้าตรวจค้นแต่ละครั้ง จะพบหลักฐานบัญชีการจ่ายเงินที่เสี่ยโจ้บันทึกไว้ และคดีที่สิ้นสุดแล้ว โดยศาลสั่งจำคุกเสี่ยโจ้ เป็นเวลา 1 ปี 9 เดือน คือคดี ปลอมแปลง แผ่นตรวจลงตรา สำหรับเดินทางระหว่างประเทศ โดยตั้งแต่ มิถุนายน 2557 กอรมน.ภาค 4 บุกตรวจค้น หจก.สินทรัพย์ทวีค้าไม้ของนายสหชัย และได้คุมตัวนายสหชัยไปสอบสวนในคดีความมั่นคง เนื่องจากต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ของภาคใต้

โดยในปี 2557 หลังเสี่ยโจ้หนีคดี นายวรากรณ์ หรือเสี่ยโจ น้องชายเสี่ยโจ้ ได้ร้องขอความเป็นธรรม และนำรายชื่อเจ้าหน้าที่ ที่เคยจ่ายสินบนมาร้องเรียนว่าถูกข่มขู่ พร้อมยืนยันว่านายสหชัย เป็นบุคคลล้มละลายแล้ว

เจ้าหน้าที่จึงจะต้องมีการตรวจสอบทรัพย์สินต่อไปว่า เสี่ยโจ้เป็นบุคคลล้มละลาย จริงหรือไม่ และตรวจสอบเรือน้ำมันดีเซลกว่า 1.2 ล้านลิตร ที่ยึดได้บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งน่าสงสัยว่าอาจเกี่ยวพันกับเสี่ยโจ้หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อดำเนินคดีกับผู้ค้าน้ำมันเถื่อนทั้งคดีเก่าและใหม่เพื่อขยายผลการฟอกเงินต่อไป