นายกฯ สั่งจัดหาชุดตรวจ ATK ใหม่ ตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก

ชมรมแพทย์ชนบทออกแถลงการณ์ ขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่มีคำสั่งในการประชุมคณะรัฐมนตรี ให้จัดหาชุดตรวจ ATK ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน อย.ไทย และองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ซึ่งเชื่อว่าจะระงับการทำสัญญาระหว่างองค์การเภสัชกรรม กับเอกชนที่ประมูลไปแล้วได้

โดยแถลงการณ์ฉบับที่ 4 ของชมรมแพทย์ชนบท นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ระบุว่าปัญหาการประมูลชุดตรวจ ATK 8 ล้าน 5 แสนชุด มีทางออกแล้ว จากการที่นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการในการประชุมคณะรัฐมนตรี ข้อสั่งการ ในหน้า 53 วงเล็บ 6 ระบุว่า

"การเร่งดำเนินการจัดหาชุดตรวจเชื้อโควิด-19 แบบแอนติเจน (Antigen Test Kit: ATK) ที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีจำหน่ายในไทย มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) รวมทั้งต้องมีความแม่นยำในการตรวจเพื่อนำสู่การรักษาที่ทันท่วงที และพร้อมจัดส่งให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด"

เนื้อหาดังกล่าว ทำให้ชมรมแพทย์ชนบท ระบุว่าชัดเจนมากพอ ที่จะทันต่อการระงับการลงนามในสัญญา ระหว่างองค์การเภสัชกรรม กับบริษัท เวิล์ด เมดิคอล ผู้ชนะประมูล ซึ่งจัดจำหน่ายชุดตรวจATK บริษัท เป่ยจริง เล่อผู่ ของจีน และคาดหวังว่าจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชน ที่จะได้ชุดตรวจที่ผ่านมาตรฐานระดับองค์การอนามัยโลกรับรอง

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารบริษัทเอกชนที่ชนะประมูลระบุว่าจะเพิ่งทราบเรื่องดังกล่าวและจะส่งหนังสือชี้แจงต่อนายกรัฐมนตรี พร้อมตั้งสังเกตุว่า การประมูลขององค์การเภสัชกรรม ครั้งนี้เพื่อนำชุดตรวจไปให้ สปสช.เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนตรวจเอง ซึ่งชุดตรวจที่เปิดรับประมูลคือแบบ โฮมยูส หรือใช้เองในครัวเรือน ไม่ใช่แบบโปรเฟสเชอร์นัล ที่ใช้ในการแพทย์

ผู้บริหารบริษัทเอกชน อ้างอิงว่า WHO ยังไม่เคยรับรองผู้ผลิต ATK แบบโฮมยูส รายใดมาก่อน  ยกเว้นแบบโปรเฟรเชอนัลที่มีหลายราย และในกรณียื่นประมูลครั้งนี้ก็มี เอกชน 2 ราย ที่ได้รับการรับรองจาก WHO ในแบบ โปรเฟรเชอนัล แต่นั่นก็ไม่ใช่แบบ โฮมยูส ตามที่เปิดประมูลแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ปมการตรวจสอบการจัดหาชุดตรวจ ATK 8.5 ล้านชุด มาจากการที่ ชมรมแพทย์ชนบทตั้งข้อสังเกตุมาตลาอดว่าการประมูลซื้อชุดตรวจ ATK ขององค์การเภสัชกรรม อาจได้ชุดตรวจไม่ได้มาตรฐาน และระบุว่าเคยเสนอให้ซื้อชุดตรวจที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน จากองค์การอนามัยโลก

ขณะที่องค์การเภสัชกรรม ยืนยันว่า สปสช.ในฐานะผู้ต้องการผลิตภัณฑ์ ไม่กำหนดชัดเจนว่าให้จัดซื้อผลิตภัณฑ์ชุดใด จึงใช้วิธีประมูลตามระเบียบ ซึ่งผลิตภัณฑ์ของผู้ยื่นประมูลทุกราย ผ่านการรับรองจาก อย. ที่ทดสอบผ่านแล็ปของโรงเรียนแพทย์ในประเทศไทย เป็นที่ยอมรับได้ เช่นเดียวกับการประมูลก็โปร่งใสได้ผู้ชนะที่เสนอราคาที่ยอมรับได้เช่นกัน จึงยืนยันจะเดินหน้าทำสัญญากับเอกชน กระทั่งมีข้อสังการของนายกรัฐมนตรีปรากฎขึ้นในวันนี้ แต่องค์การเภสัชกรรม ยังไม่แถลงท่าทีว่าจะเดินหน้าต่อหรือไม่นับจากนี้