เลือกตั้งและการเมือง

'คุยกับเศรษฐา' เทปแรก นายกฯขอยึดปัญหา ปชช.เป็นสำคัญ รับรำคาญเสียงวิจารณ์ ลงพื้นที่ถี่ แต่ไม่มีผลงาน

โดย petchpawee_k

22 มิ.ย. 2567

35 views

นายกฯประเดิมเทปแรก “คุยกับเศรษฐา“ เผยจัดรายการต้องการสื่อสารโดยตรงถึงปชช. ย้ำ เป็นนายกฯ ของคนไทยทั้งประเทศ ยึดปัญหาของ ปชช.เป็นสำคัญ ยอมรับ "รำคาญ" เสียงวิจารณ์ลงพื้นที่ถี่แต่ไม่มีผลงาน

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 22 มิถุนายน รายการ “คุยกับเศรษฐา” ออกอากาศครั้งแรกทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ตั้งแต่เวลา 08.00 – 08.30 น. ซึ่งมี ธีรัตถ์ รัตนเสวี อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาเป็นผู้ดำเนินรายการเทปแรก

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ กล่าวในรายกาถึงจุดมุ่งหมายของการจัดรายการว่า รัฐบาลปัจจุบัน ทุกกระทรวง ทบวง กรม รัฐมนตรีทุกคนทำงานกันหนักมาก และยังไม่มีช่องทางที่นอกเหนือจากมีผู้สื่อข่าวมาสัมภาษณ์ที่จะสื่อสารถึงพี่น้องประชาชนโดยตรง เพื่ออธิบายให้ฟังว่ารัฐบาลทำอะไรแล้วบ้าง แผนงานระยะยาวคืออะไร อย่างน้อยก็จะได้เข้าใจว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่

นายกฯ กล่าวถึงการทำงานแบบไม่เหน็ดเหนื่อยว่า ถ้าจะบอกว่าไม่เหนื่อยก็คงจะโกหก ตนว่านายกฯ ทุกท่านก็ทำงานกันหนัก มีทั้งเหนื่อยกาย เหนื่อยใจ และเชื่อว่าทุกท่านแบกภาระหนักหน่วงนี้อยู่เยอะ ซึ่งตนคงพูดแทนท่านอื่นๆไม่ได้ ถ้าถามตนคิกว่าเหนื่อยนอนคืนเดียวก็หาย แต่เราเสนอตัวเข้ามาทำงานทางด้านสาธารณชนแล้ว ถือว่าเรื่องที่สำคัญมากกว่าคือเรื่องของความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เราเหนื่อยเท่าไร ตนเชื่อว่าหลายๆคน ที่อยู่ที่ฐานรากของสังคมเขาเหนื่อยกว่าเยอะ ชีวิตของตนที่ทำมาเกือบ 40 ปี ตลอดระยะเวลาทำงานมาก็ยึดมั่นในสองวินัย คือ มีวินัยในการทำงาน และทำงานให้หนัก แต่แน่นอนว่าเรื่องของการดูแลสุขภาพ การพักผ่อนคือเรื่องของการหลับนอนก็ต้องให้เพียงพอ

นายกฯ กล่าวต่อว่า ในฐานะนายกฯของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่เป็นนายกฯของพรรคเพื่อไทยเพียงอย่างเดียว แน่นอนว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคหลัก และเป็นพรรคที่สนับสนุนตนมาตลอด ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องลงพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย ของพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทย ด้วยเหมือนกัน เพราะว่าทุกคนคือประชาชนคนไทย ซึ่งนายกฯในฐานะผู้บริหารสูงสุดของประเทศมีหน้าที่ต้องดูแล อันนี้ชัดเจน ตนเชื่อว่าการทำงานที่ผ่านมาโดยตลอด ให้ความมั่นใจได้ว่าไม่ได้เลือกจังหวัดลงพื้นที่

ส่วนเรื่องแนวทางในการลงพื้นที่ต่างจังหวัด จริงๆต้องยอมรับว่า ตนมีต้นทุนที่เป็นรองนักการเมืองหลายท่าน ที่ท่านเติบโตมาจากการเมืองตั้งแต่อายุ 30 กว่าๆ ส่วนตนเองพึ่งเข้าสู่สนามการเมือง ดังนั้น การลงพื้นที่จริงจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่อย่างตน เพราะว่าไม่ได้ไปคลุกคลีกับประชาชนเท่ากับนักการเมืองที่อยู่ในการเมืองมานาน การที่ต้องลงพื้นที่เยอะ เพราะต้องการเข้าใจถึงปัญหาจริงๆ ไม่ใช่ฟังแต่รายงานที่มาจากกระดาษ

นายกฯ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาตอนเป็นผู้บริหารของบริษัทเอกชนกับตอนเป็นนายกฯ ว่ามีความแตกต่างกัน สภาพแวดล้อมก็ต่างกันพอสมควร ในส่วนภาคเอกชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทางธุรกิจก็แตกต่างกันออกไป ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในภาครัฐบาลก็มีเยอะกว่า จึงต้องดูให้ครบทุกหมู่เหล่าจริงๆ เรื่องของความระมัดระวัง ทางด้านขั้นตอนต่างๆในการทำงานก็มีกลไกทางราชการ ซึ่งเราต้องเคารพ มีองค์กรอิสระตรวจสอบก็เยอะ เราต้องมั่นใจว่าทุกการกระทำของเราถูกต้อง เป็นไปตามกฎระเบียบ แต่ตนก็มองว่าความเดือดร้อนไม่คอยท่า ต้องการการบริหารจัดการออกไป แต่ระหว่างทางก็อาจจะมีมาตรการระยะสั้น หรือชั่วคราว ที่พยุงปัญหาไปได้บ้าง บางทีปัญหาก็ไม่สามารถแก้ได้ด้วยอะไรที่รวดเร็วทันใจอย่างเดียว ซึ่งมีหลายขั้นตอน เพราะเป็นระบบราชการ ซึ่งถ้าเรามาอยู่ตรงนี้เราก็ต้องยอมรับตรงนี้

บางช่วงบางตอนนายกฯ กล่าวว่า นายกฯ กล่าวถึงการเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งมีคนบอกว่าเดินทางไปเยอะมาก ไปเพื่ออะไร ว่า ไม่ได้แก้ตัว แต่ว่าเรื่องของการไปต่างประเทศ จริงๆ แล้วตนเองไปมา 15 ครั้ง กว่าครึ่งเป็นไฟล์ทบังคับ เป็นเรื่องของการไปอาเซียน-เจแปน การไปแนะนำตัว หรือว่าไปจีน หรือว่าไปกัมพูชา ไปสิงคโปร์ ไปมาเลเซีย ไปออสเตรเลีย เป็นอาเซียน-เจแปนครบ 50 ปี ซึ่งจะไม่ไปนั้นไม่ได้ หรืออย่างไปศรีลังกา เซ็นสัญญา FTA ซึ่งรัฐบาลเดิมทำไว้แล้ว ก็ไปเป็นเกียรติ ไปงานลงนาม ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้


ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าในรัฐบาลก่อน เรื่องของลำดับความสำคัญของเขา เขาอาจจะทำเรื่องอื่นที่เขาเห็นความสำคัญมากกว่า แต่ตอนนี้มาถึงตรงนี้ เรื่องการค้าระหว่างประเทศ เรื่องของความอ่อนบางทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้การลงทุนข้ามชาติมาที่ประเทศไทยเป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้าเราไม่ไปเชื้อเชิญและไปบอกเขาว่าประเทศไทยเปิดแล้ว ไม่มีเวลาไหนที่จะดีเท่าเวลานี้ที่มาลงทุนที่ประเทศไทย เขาจะทราบไหม ตนเองว่าต้องไป แล้วการลงทุนกลับมาแต่ละครั้งเป็นหมื่นล้านเป็นแสนล้าน ซึ่งแน่นอนว่ายังไม่เกิดขึ้น อาจจะอยู่ขั้นตอนการพิจารณา บางอันก็จะเกิด บางอันเกิดแน่ ๆ บางอันก็ไม่แน่ว่าจะเกิด หรือบางอันก็ไม่เกิดก็มี แต่ว่าการทำงานเราต้องทำทั้งหมดทุกประเทศ เราต้องไปทุกบริษัทที่เขามีศักยภาพมาลงทุนในประเทศไทยได้ เพราะฉะนั้นตรงนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นหน้าที่ของตนเองในฐานะนายกรัฐมนตรี

------------------

ขณะที่วานนี้ ( 21 มิ.ย.67)  นายกฯเศรษฐา ทวีสิน เข้าไปที่รัฐสภาในช่วงสาย เพื่อเข้าร่วมการประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วันที่สาม ซึ่งเป็นวันสุดท้าย

ท่านนายกฯให้สัมภาษณ์หลายเรื่อง รวมถึงเรื่องการลงพื้นที่ต่างจังหวัดซึ่งนายกฯบอกว่าสัปดาห์หน้าจะลงไปหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสาน ก่อนจะไปจบที่การกระชุม ครม.สัญจร ที่ จ.นครราชสีมาในวันที่ 2 ก.ค.

ทำให้นักข่าวถามถึงเสียงวิพากษ์เรื่องการลงพื้นที่ของนายกฯ ว่าลงพื้นที่เยอะ เพื่อเอาจำนวน แต่ไม่เห็นผลงาน นายกฯ ตอบว่า เวลาลงพื้นที่จะใช้เวลาช่วงเสาร์อาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุด ไม่เสียเวลาในการบริหารราชการแผ่นดิน

และบอกว่า  "ผมไปต่างประเทศบ่อยก็ถูกว่า ไปต่างจังหวัดดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนก็โดนว่า... ถ้าไม่ลงพื้นที่เราก็ไม่ทราบปัญหาจริง ๆ ตรงนี้ก็คงเป็นเรื่องของการเมืองมากกว่า ผมก็ไม่อยากเอามารกหู เรามีหน้าที่ก็ต้องทำไป"

นักข่าวจึงถามต่อว่า เสียงวิจารณ์แบบนี้ไม่ทำให้นายกฯ เกิดความรำคาญใช่หรือไม่ ซึ่งนายกฯ ก็ยอมรับตรง ๆ เลยว่า ก็มีรำคาญบ้างเป็นธรรมดา เพราะก็เป็นคนๆนึง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ยังแน่วแน่ในการทำงาน

แต่ช่วงท้ายนายกฯ ก็บอกว่า ก็ไม่ใช่ทุกอย่างจะเป็นเรื่องน่ารำคาญหรือรกหู เพราะที่วิจารณ์เรื่องจุดลงพื้นที่เยอะไป ในพรรคก็มีการคุยกันว่าจะลดจำนวนจุดในการลงพื้นที่แต่ละช่วงเวลาให้น้อยลง เพื่อคุยปัญหาได้ลึกขึ้น


https://youtu.be/aTOG0oKPass

คุณอาจสนใจ

Related News