เลือกตั้งและการเมือง
“จุลพันธ์” ดักคอ “อนุทิน” จะชิงยุบสภาหนีซักฟอกมีชนักหรือไม่ แย้มร่างญัตติไว้แล้ว ยื่นเมื่อไหร่เป็นอำนาจเพื่อไทย
21 พ.ย. 2568
37 views
“จุลพันธ์” ดักคอ “อนุทิน” มีชนักหรือไม่จะชิงยุบสภาหนีซักฟอก เหน็บวันทำ MOA ไม่มีเครื่องคิดเลข รู้อยู่แล้วเสียงไม่พอเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แย้มร่างญัตติไว้แล้วยื่นเมื่อไหร่เป็นอำนาจของเพื่อไทย ย้ำมุ่งมั่นแก้ไขรัฐธรรมนูญตลอดตั้งแต่สมัยเป็นรัฐบาลไม่เหมือนบางพรรควอร์คเอาท์ มองเป็นเรื่องดีหาก “ปชน.” คุยรัฐบาลเร่งเปิดสมัยประชุมวิสามัญ
วันที่ 21 พ.ย.2568 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ส่งสัญญาณความพร้อมในการประกาศยุบสภา ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ หากมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมเลือกตั้งไม่ได้ติดขัดอะไร และการยุบสภาเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีโดยชอบ จะยุบเมื่อไหร่สามารถทำได้ แต่ยืนยันว่า กระบวนการในการยุบสภาหากมีการเสนอญัตติแล้วอำนาจไม่ได้อยู่ที่นายกรัฐมนตรีอีกต่อไป ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ
นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนก่อนหน้าที่จะมีการเสนอญัตติ หากนายกรัฐมนตรีตัดสินใจยุบสภาเป็นอำนาจโดยชอบ ไม่ต้องปรึกษาฝ่ายค้าน แต่กระบวนการเดินหน้ายื่นญัตติเป็นเรื่องของฝ่ายค้านเช่นเดียวกันที่ต้องตัดสินใจว่าจะดำเนินการหรือไม่ เมื่อไหร่อย่างไร ที่ฝ่ายค้านจะต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีบอกหากอะไรที่ยังค้างอยู่แล้วยังทำไม่เสร็จ เป็นเหตุให้ยุบสภาฝ่ายนั้นก็ต้องรับผิดชอบ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เข้าใจเพราะนายกรัฐมนตรีได้เกริ่นว่ารัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่สามารถชนะได้ ในข้อเท็จจริงไม่แน่ใจว่าวันที่ตั้งรัฐบาลไม่มีเครื่องคิดเลขหรือเปล่า รู้อยู่แล้วว่าเสียงไม่พอที่จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก
“พวกผมชี้ประเด็นที่ในสภาหลายครั้ง ว่าขัดต่อหลักการประชาธิปไตย ในการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะเดินหน้าไม่ได้เกิดปัญหา แต่ท่านเลือกเดินทางนี้ จุดนี้พรรคเพื่อไทยได้ย้ำเตือนหลายครั้ง คราวนี้กระบวนการในการทำ MOA ผู้คุมไม่ได้เกี่ยว และมีการพูดคุย ซึ่งพรรคประชาชนส่งสัญญาณมาแล้วว่าในกรณีที่รัฐบาลไม่ได้กระทำความผิดอะไรร้ายแรง ก็จะไม่ยื่น ไม่ลงมติไม่ไว้วางใจ อย่างนี้แสดงว่ารัฐบาลมีชนักหรือไม่ ท่านห่วงพะวงว่าได้กระทำที่ขัดต่อกฎหมาย กระทำที่เกิดความเสียหายกับประเทศหรือไม่ จึงกลัวว่าหากอภิปรายแล้วจะสามารถโน้มน้าวพรรคการเมืองอื่นให้ร่วมลงมติได้ ถ้าไม่ได้ทำความผิดก็ไม่ต้องกลัว พวกผมหากอภิปรายแล้วไม่มีข้อมูลไม่มีเนื้อหา สุดท้ายความเสียหายตกกับพวกผม แต่กระบวนการตรวจสอบต้องเกิด”
เมื่อถามว่า กรณีการส่งสัญญาณของรัฐบาลทำให้เข้าใจว่าหากยุบสภาเป็นเพราะพรรคเพื่อไทย นายจุลพันธ์ กล่าวว่า จะต้องดูว่าความจริงใจตั้งแต่ต้นในการเข้าสู่กระบวนการร่วม MOA มีความจริงใจแค่ไหน มีเจตนาว่าจะเดินไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จอยู่แล้วหรือไม่ จะมาโยนเป็นภาระของฝ่ายค้าน ถ้าท่านไม่ได้กระทำผิดที่ขัดต่อกฎหมาย เช่น การปัดเป่าคดี การแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ การทุจริตคอรัปชั่น ปัญหาชายแดน ถ้าไม่พลาดเลย พรรคเพื่อไทยไม่มีเรื่องให้ยื่นอภิปราย เพราะฉะนั้นให้มองตัวเอง สะท้อนไปที่ตนเอง พรรคเพื่อไทยมีหน้าที่ในการตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า วันนี้ข้อมูลในการอภิปรายมีกี่เรื่อง เตรียมเนื้อหาขนาดไหนแล้วนายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตามที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้เป็นเรื่องหลัก และเรื่องย่อยในบางเรื่องขอยังไม่เปิดเผย แต่ยังมีอีก
เมื่อถามว่า ได้เตรียมญัตติไว้แล้วหรือยัง นายจุลพันธ์ ยิ้มรับ และกล่าวว่า มีการร่างญัตติไว้แล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ส่วนจะยื่นเมื่อไหร่เป็นอำนาจหน้าที่ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะต้องมีการหารือกัน เช่นคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรค เพื่อที่จะถามว่าขอเวลาที่เหมาะสม และกระบวนการในการเดินหน้าการอภิปรายจังหวะที่เหมาะสมคือเมื่อไหร่ยังต้องหารือกันอยู่
เมื่อถามว่า ปัจจัยหลักคือเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญคนจะมองว่ารัฐธรรมนูญคือตัวประกันหลัก นายจุลพันธ์ กล่าวว่า “ถูกครับ” ใช้คำว่าตัวประกัน เพราะเห็นอาการได้ชัดมาตั้งแต่ต้นว่า รัฐบาลพยายามใช้เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญตัวประกันไม่ให้มีกระบวนการในการยื่น
“แต่ผมถามหลักคิดนิดหนึ่ง ในกรณีที่พวกผมต้องการให้รัฐธรรมนูญผ่าน หากรัฐรัฐบาลบอกว่างั้นผ่านกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ อย่างแรกไม่สามารถยืนยันได้ว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ออกมาแล้วจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร เป็นประชาธิปไตยขึ้นหรือไม่ เพราะขณะนี้กระบวนการดำเนินการในชั้นกรรมาธิการ ยังถกกันอยู่”
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า การลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญหากผ่านแล้วหมายความว่ารัฐบาล ดำเนินการตามข้อตกลงคือให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และอนุญาต สว. เสียงส่วนใหญ่มาร่วมลงมติผ่านแล้ว กระบวนการทุจริตคอรัปชั่น หรือกระบวนการความเสียหายให้กับประเทศ พรรคฝ่ายค้านเพื่อไทยจะต้องยกให้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นเรื่องความเสียหายต่อประเทศ และการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย ในฐานะการเมืองไม่สามารถเว้นได้ มีความจำเป็นที่ต้องดำเนินการครบถ้วน หากมีอะไรที่เป็นเรื่องกระทำให้ถูกพรรคการเมืองฝ่ายค้านจะต้องดำเนินการ ส่วนรัฐบาลเป็นเวทีที่มีโอกาสตอบ
เมื่อถามว่า ที่บอกว่าได้คุยกับหัวหน้าพรรคประชาชนมีการพูดคุยแล้วหรือยัง นายจุลพันธ์ กล่าวว่า มีการพูดคุยกันแล้ว แต่เรื่องที่พูดคุยยังไม่ได้มาคุยต่อ ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าพรรคประชาชนจะร่วมเข้าชื่อลงญัตติด้วยหรือไม่
เมื่อถามว่า มองพรรคภูมิใจไทยมีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญแค่ไหน นายจุลพันธ์ กล่าวว่า คนที่พยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด คือ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชน ซึ่งไม่ได้พูดเอาดีเข้าตัว แต่พรรคเพื่อไทยผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญตั้งแต่เป็นรัฐบาล และพยายามทำเต็มที่ ถ้าติดตามแล้วจะรู้ว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาติดตรงไหน ซึ่งมีบางพรรคการเมืองวอล์กเอาต์ การไม่สามารถรวบรวมเสียงสมาชิกวุฒิสภาได้ 1 ใน 3 เสียง ซึ่งก็เป็นข้อสงสัยว่าวุฒิสภาสีอะไร
แต่ในส่วนของรัฐบาลชุดปัจจุบัน โจทย์มีความชัดเจนตั้งแต่แรก ว่า ไม่แก้ แต่เพื่อต้องการเข้าสู่อำนาจรัฐ จึงไปมีข้อตกลงกันขึ้นมา ที่เกิดขึ้นจาก 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเชื่อว่าอีกฝ่ายจะสามารถกำกับวุฒิสภาเสียงข้างมากได้ ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งเชื่อว่า จะเข้าไปแล้วสามารถเป็นรัฐบาล แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังเป็นรัฐบาล ตนมีความสงสัยในความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในชั้นกรรมาธิการ ว่า อนาคตจะจบอย่างไร เพราะเห็นแต่กระบวนการในการแก้ไขเรื่องคดีความ การโยกย้ายข้าราชการ เหมือนเตรียมการเลือกตั้ง ตรงจุดนี้มองว่า สิ่งที่ไปตกลงกันไว้เรื่องการทำ MOA ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการแต่อย่างใด ซึ่งเชื่อมั่นว่า สุดท้ายกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญคงประสบความสำเร็จได้ยาก เพราะความจริงใจของผู้ที่ร่วมในข้อตกลง MOA
เมื่อถามว่า การเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ ก่อนเปิดก่อนสมัยประชุมสามัญมีความเป็นไปได้หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เป็นไปได้ ซึ่งขั้นตอนในชั้นกรรมาธิการฯ ใกล้จะแล้วเสร็จ โดยในวันที่เริ่มขั้นตอนของกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยได้เสนอให้ที่ประชุมใช้เวลา 10 วัน โดยประชุมสัปดาห์ละ 3 วัน ใช้เวลา 2 สัปดาห์เศษจบ แต่กระบวนการที่ผ่านมาล่าช้ามาก มีกระบวนการชัดเจนว่าบางฝ่ายบอกว่าไม่ควรรีบ โดยอ้างเหตุความรอบคอบ รัดกุม
แต่เวลานี้เหลือเวลาประมาณ 3-4 ครั้ง จะจบ ซึ่งอยากให้ร่นระยะเวลาการเปิดสมัยวิสามัญ ก่อนวันที่ 8-9 ธ.ค. ตามแนวคิดของรัฐบาล เพื่อลงมติวาระ 2 ได้ในวันที่ 19-20 ธ.ค. แต่มองว่าขณะนี้ไม่น่าทัน เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นอกจากต้องทำให้เสร็จทันกรอบเวลาที่กำหนดตามกฎหมายหลายข้อแล้ว ภาคการเมืองจะต้องรณรงค์ทำความเข้าใจกับประชาชน เพราะสุดท้ายต้องลงประชามติ ซึ่งต้องมีระยะเวลาเพียงพอในการไปชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนว่าร่างใหม่เป็นอย่างไร เกิดประโยชน์อย่างไร เพื่อการตัดสินใจว่าจะลงมติรับหรือไม่รับรัฐธรรมนูญ หากเวลาน้อย แล้วไปทำประชามติ จะเกิดคำถามเดียวกับความพยายามขอรัฐบาล ในการการทำประชามติเกี่ยวกับ MOU 43-44 ที่ประชาชนไม่มีความรู้ และไม่เข้าใจเพียงพอ สุดท้ายการทำประชามติโดยไม่มีข้อมูลเพียงพอให้ประชาชน จะเกิดการลงประชามติด้วยอารมณ์ แทนที่จะลงมติด้วยเหตุผล
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยต้องไปคุยกับพรรคประชาชน เพื่อหารือกับพรรคภูมิใจไทย ให้เปิดการประชุมสภาสมัยวิสามัญเร็วขึ้นหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยคงไม่ไปพูดคุย แต่ถ้าพรรคประชาชนไปพูดคุยกับฝ่ายรัฐบาลได้ก็เป็นเรื่องดี เพราะถือเป็นส่วนหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาล
แท็กที่เกี่ยวข้อง จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ,พรรคเพื่อไทย ,อนุทิน ชาญวีรกูล