เลือกตั้งและการเมือง
“พท.-ปชน.” ชงญัตติด่วน MOU แรร์เอิร์ธ รุมสับรัฐบาลขาดความรู้ ทำไทยเสียประโยชน์
30 ต.ค. 2568
79 views
“พท.-ปชน.” ชงญัตติด่วน MOU แรร์เอิร์ธ รุมสับรัฐบาลขาดความรู้ทำไทยเสียประโยชน์ “ภัทรพงษ์” เปรียบเป็นมวยไทย เพลี่ยงพล้ำโดนหมัดแย็บหมัดฮุกเข้าเต็มๆ ตั้งแต่ยกแรก ซัดรัฐบาลมีผลประโยชน์แอบแฝงหรือไม่
วันที่ 30 ต.ค.2568 นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอญัตติด่วนด้วยวาจาต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ให้มีการพิจารณาผลกระทบจากกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ไปลงนาม MOU กับสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับแรร์เอิร์ธหรือแร่หายาก ซึ่งมีผลกระทบต่อประเทศไทยจึงมีความจำเป็นต้องให้สภาพิจารณาถึงปัญหาและทางออกว่า ก่อนที่รัฐบาลจะไปเซ็น MOU ประชาชนไม่เคยทราบมาก่อน แม้แต่ สส.ในสภาก็ไม่มีใครทราบเรื่องนี้มาก่อน หากพูดถึงแร่ธาตุหายากประเทศจีนมาเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนไทยยังไม่มีมีการสำรวจจริงจัง แต่หากดูจากปริมาณแร่ธาตุที่กระจัดกระจายอยู่ในภูมิภาคตนเชื่อว่าตัวเลขแร่ธาตุหายากที่มีอยู่ในไทยหลายแสนตันจนถึงหลายล้านตัน ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่สาเหตุสหรัฐอเมริกามาลงนามเซ็นสัญญากับไทย
แต่ตนมองว่าการที่ไทยไปเซ็นสัญญากับอเมริกาจะทำให้เกิดปัญหาเพราะประเทศที่คลองตลาด ในการทำเหมืองคือจีนที่มีสัดส่วนถึง 70% และหากเรื่องของการสกัดทำให้บริสุทธิ์จีนก็ครองตลาดอยู่ถึง 90% ดังนั้นการที่รัฐบาลไปเซ็นสัญญากับสหรัฐอเมริกาโดยให้สหรัฐฯ ได้รับสิทธิพิเศษ หากมีการสำรวจหรือการลงทุนอะไรสหรัฐฯ จะได้รับสิทธิ์เป็นประเทศแรกและจะได้รับการปฏิบัติที่เหนือกว่าประเทศอื่น ทำให้ไทยเสียเปรียบสหรัฐฯ อย่างรุนแรง
อีกทั้งยังกระทบกับจีน ซึ่งทำให้เราเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามของมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโดยไม่จำเป็น แม้ว่าขณะนี้ทางจีนยังไม่ได้แสดงท่าทีที่เด่นชัดมากในเรื่องนี้อาจเป็นเพราะว่าวันนี้ประธานาธิบดีจีนและสหรัฐจะมีการพบกัน จากนั้นคงจะมาดูว่าที่ไทยและสหรัฐไปลงนามกันจะดำเนินการอย่างไร เชื่อว่าคงจะมีการตอบโต้ทั้งทางการเมืองเศรษฐกิจหรือแม้กระทั่งทางทหารโดยทางอ้อมซึ่งทำให้เราได้รับผลกระทบ
ตนจึงมองว่าการที่ไทยไปเซ็นสัญญากับสหรัฐอเมริกาแทบจะไม่ได้ประโยชน์อะไรแต่จะมีผลเสียกับมหามิตรอย่างประเทศจีน
นอกจากนี้ตนยังมองว่าจากประสบการณ์ของประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาในการทำเหมือง แสดงให้เห็นชัดเจนถึงปัญหาสภาพแวดล้อมที่มีกัมมันตรังสี มีสารพิษตกค้าง
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า MOU ไม่มีผลผูกพันนั้น จะต้องดูที่เนื้อหา หากในเนื้อหามีรายละเอียด มีข้อความ มีเงื่อนไขที่ครบถ้วนสามารถผูกพันได้ตามสัญญา MOU นั้นก็สามารถบังคับใช้ได้เช่นเดียวกันกับสนธิสัญญา และตนมองว่าภายหลังหากเห็นว่าไทยเสียเปรียบก็คงไม่สามารถยกเลิก MOU นี้ได้
และหากเทียบ MOU ระหว่างไทย-สหรัฐฯ กับสหรัฐฯ-มาเลเซีย จะเห็นชัดเจนว่าไทยเสียเปรียบมากจึงจำเป็นต้องเร่งหาทางแก้ไขก่อนที่จะเกิดเหตุบานปลาย
เช่นเดียวกับ นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน ก็ได้เสนอญัตติติด่วนด้วยวาจาให้สภาพิจารณา กรณีที่ไทยไปลงนาม MOU กับสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับแรร์เอิร์ธหรือแร่หายาก ว่า ความจริงจะไม่มีปัญหาอะไรเลยหากรัฐบาลมีความรู้และความเข้าใจเรื่องที่ตนเองกำลังจะทำ
แต่ด้วยความที่ว่ารัฐบาลไม่มีความรู้ในเรื่องนี้เลย ทำให้เนื้อหาที่ควรจะปรากฏใน MOU ไม่ปรากฏ แต่กลับปรากฏเนื้อหาที่ไม่ควรปรากฏ ซึ่งเป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีคนไหนพูดเลย คือการช่วยประเทศไทยในการวิเคราะห์ขยายพื้นที่และพิกัดแหล่งแร่ที่สำคัญต่างๆ ในประเทศไทย ซึ่งถ้อยคำนี้ทำให้ไทยมีโอกาสที่จะเสียเปรียบในอนาคต และหากเราต้องการให้สหรัฐอเมริกามาช่วยวิเคราะห์จริงๆ เราสามารถทำได้ตามข้อความวรรคหนึ่ง
ส่วนประเด็นที่ให้สิทธิพิเศษกับสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศแรกนั้น รัฐมนตรีหลายคนระบุว่า ไร่หายากในประเทศไทยไม่มีอยู่แล้วเพราะไม่ได้มีการทำแร่ในประเทศไทย แต่หากเราพูดให้ชัดและเน้นย้ำให้ชัดเจนคือรวมถึงแร่จากเมืองต่างประเทศที่นำเข้ามายังประเทศไทยด้วย เพราะฉะนั้นสหรัฐอเมริกาไม่ได้จะหาแร่เฉพาะในประเทศประเทศไทยแต่ยังต้องการเพิ่มโอกาสในการจัดการแร่สำคัญต่างๆที่ผ่านเข้ามาในประเทศไทยด้วย
“หากเปรียบ MOU แรร์เอิร์ธเป็นมวย ตอนนี้เป็นเหมือนยกแรกแต่เป็นยกแรกที่เราเพลี่ยงพล้ำไปเยอะมาก เราปล่อยให้โดนหมัดแย็บและหมัดฮุกเข้าเต็มๆ โดยที่เราไม่ได้ตั้งการ์ดหรือหลบเลย ซึ่งแตกต่างจาก MOU ที่สหรัฐลงนามกับมาเลเซีย ตนเชื่อว่าสหรัฐอเมริกาส่งร่างสัญญามาให้ไทยกับมาเลเซียเป็นร่างเดียวกัน แต่สิ่งที่ตนไม่เข้าใจคือเหตุใดประเทศไทยไม่มีการสกรีนปล่อยให้ถ้อยคำที่เป็นการเอื้อประโยชน์กับสหรัฐฯ ทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสเพิ่มขึ้น
รัฐบาลยอมเสียเปรียบตั้งแต่ยกแรกประเทศอื่นคิดได้หมดแต่เหตุใดประเทศเราคิดไม่ได้ กับเรื่องแค่นี้คิดไม่ได้ทำให้ตนอดสงสัยไม่ได้ ว่ารัฐบาลมีผลประโยชน์อะไรแอบแฝงหรือไม่หรือที่ทำลงไปแค่เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการ รู้เท่าไม่ทันโลกของรัฐบาลชุดนี้เท่านั้น”
นายภัทรพงษ์ กล่าวต่อว่าสิ่งที่ควรจะปรากฏกับไม่ปรากฏนั่นคือการเพิ่มเนื้อหาในส่วนของผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการทำเมืองหากรัฐบาลทำงานสักนิดเมื่อเห็นร่าง MOU ฉบับนี้ต้องคิดได้แล้วว่าเกี่ยวข้องกับการทำเหมืองโดยเฉพาะแรร์เอิร์ธ โดยเฉพาะภาคเหนือที่เจอกับปัญหาน้ำเป็นพิษจากการทำเหมืองในเมียนมา หากรัฐบาลใส่ใจและตระหนักสักนิดจะรู้ทันทีว่านี่คือสิ่งที่เราต้องเพิ่มเข้าไปใน MOU เพื่อจะใช้ประโยชน์จาก MOU ฉบับนี้มาต่อรองเจรจามาแก้ปัญหาที่ต้นตอกับเมียนมาและจีน ในการทำเหมืองที่เมียนมา
“แล้วตนเพิ่งทราบมาจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่า ไม่มีข้าราชการระดับสูงในกระทรวงแม้แต่คนเดียวเห็นร่าง MOU ฉบับนี้เลยไม่มีการส่งให้กระทรวงทรัพย์ให้ความเห็นในเรื่องนี้ด้วยทั้งที่เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเต็มๆ สิ่งที่ควรมีกับไม่มีแต่สิ่งที่ไม่ควรมีกับปรากฏอยู่”
ส่วนสิ่งที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ที่บอกว่า MOU ฉบับนี้จะยกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้นั้น นี่คือคำพูดของนายกรัฐมนตรีหรือบุคคลที่เป็นรัฐมนตรี การที่จะลงนาม MOU สักฉบับ กลับต่างประเทศในนามประชาชนคนไทยทั้งประเทศต้องมั่นใจต้องมั่นใจใน MOU และลายเซ็นที่เซ็นแทนประชาชน และหนักไปกว่านั้น นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “MOU ฉบับนี้เราก็ไม่อยากเซ็น แต่เป็นอะไรที่เราทำเผื่อไว้เฉยๆ”
นายภัทรพงษ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลไม่มีความพร้อมของรัฐบาลในการจัดการแร่แรร์เอิร์ธ ซึ่งสิ่งแรกที่รัฐบาลควรรู้ก่อนที่จะเซ็น MOU คือซัพพลายเชนเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งพื้นฐานที่เราควรจะมีแต่เรากลับไม่มี เพราะปัจจุบันที่รัฐมีคือเป็นกลุ่มแร่แต่ไม่ได้แยกชนิดของแรร์เอิร์ธ และข้อมูลอีกชุดคือมีบริษัทอะไร ส่งออกแรร์เอิร์ธไปยังประเทศอะไรผ่านด่านอะไรและปริมาณเท่าไหร่ ซึ่งไม่ได้ลิงก์กับซัพพลายเชน จะเห็นได้ชัดว่ารัฐบาลไม่ได้ทำการบ้านมาเลยทำให้เราเสียเปรียบทุกทางเพราะความไม่รู้เราไม่ใส่ใจของรัฐบาลเอง ขณะที่สหรัฐทำการบ้านมาอย่างดี ส่วนไทยไม่มีความรู้พื้นฐานในการเจรจาที่จะได้มาซึ่งความได้เปรียบใดๆ กับประเทศไทยเลย
นอกจากรัฐบาลจะทำให้เราเสียเปรียบในการเซ็น MOU ครั้งนี้ ยังทำให้ไทยเสียโอกาสในการแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนจากการทำเหมืองในเมียนมา
ตนจึงอยากเสนอไปยังรัฐบาลว่าขอให้เร่งจัดการกับกฎหมายภายในประเทศให้พร้อมออกกฏหมายลูก กฎกระทรวง ตามพระราชบัญญัติแร่ให้ผู้นำเข้าต้องระบุพิกัดของเมืองที่ทำแร่นั้นนั้นและมาตรฐานรับรองด้านสิ่งแวดล้อมก่อนที่จะนำเข้าได้ และเราต้องออกกลไกในการตรวจสอบทั้งห่วงโซ่อุปทาน อีกทั้งควรมีการปรับแก้พิกัดศุลกากรที่ขณะนี้เป็นพิกัดกลุ่ม แตะแรร์เอิร์ธมีหลายชนิดไม่ควรจำแนกเป็นกลุ่ม
นอกจากนี้ควรวางแผนการใช้ MOU ให้เกิดประโยชน์กับการเจรจาแก้ปัญหาในการทำเมืองต่างประเทศที่อาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ดังนั้นขอให้รัฐบาลรับข้อเสนอของสภาตนไม่อยากเห็นชื่อของรัฐมนตรีทั้งหลาย ถูกจารึกว่าเป็นรัฐมนตรีที่ทำงานแย่ที่สุด
แท็กที่เกี่ยวข้อง พรรคเพื่อไทย ,พรรคประชาชน ,MOU แร่แรร์เอิร์ธ