เลือกตั้งและการเมือง
นายกฯ ยันไม่ได้บอกไทยรุกล้ำกัมพูชา แต่ตกคำว่าพื้นที่อ้างสิทธิ เผยหารือ "ฮุน มาเนต" ไม่ได้คุยเปิดด่าน
28 ต.ค. 2568
96 views
วันที่ 28 ต.ค. 2568 (เวลา 11.15 น.ตามเวลาท้องถิ่นกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมการหารือทวิภาคีกับ นายฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยมี นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ , นางศุภจี สุธรรมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และข้าราชการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
ภายหลังการหารือทวิภาคี นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ว่า กัมพูชาและไทย ได้หารือกัน เพื่อเร่งให้การดำเนินการตามปฏิญญาที่ได้ลงนาม 4 ข้อ ให้ดำเนินการโดยเร็ว ซึ่งตอนนี้การเริ่มถอนอาวุธหนักได้เริ่มดำเนินการแล้ว ตั้งแต่วันแรกที่มีการลงนาม ตนเองได้เรียนกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่าอย่าให้เป็นเพียงสัญลักษณ์ ต้องเร่งดำเนินการถอนอาวุธอย่างเป็นรูปธรรม และจริงจังด้วยความรวดเร็ว เพื่อไทยจะได้ดำเนินการในสิ่งที่ไทยต้องทำ คือการคืนตัวทหารกัมพูชา 18 นาย ที่อยู่ในการควบคุมของไทยให้กับกัมพูขา และการเก็บกู้วัตถุระเบิด การถอนทุ่นระเบิด ส่วนใหญ่ไทยเป็นคนเก็บกู้ เพราะอยู่ในเขตของไทย และมีผู้ร่วมสังเกตการณ์เป็นตัวแทนประเทศของกลุ่มอาเซียนรวมอยู่ด้วย ตนเองได้แจ้งนายกรัฐมนตรีกัมพูชา อีกว่า ขอให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการเก็บกู้วัตถุระเบิด และจะได้ดำเนินการด้วยความรวดเร็วเช่นกัน
ส่วนเรื่องสแกม มีการดำเนินการร่วมกันทั้งตำรวจไทยและตำรวจกัมพูชา มีการประชุมร่วมกัน เพื่อหาวิธีการปราบปรามป้องกันอยู่ตลอด เพิ่งมีการทิ้งช่วงในตอนที่ไทยและกัมพูชา มีปัญหาระหว่างกันใน 2-3 เดือนหลัง ก็จะให้ร่วมมือกันในการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกอย่าง ไม่เพียงแค่สแกมอย่างเดียว ยังรวมไปถึงออนไลน์ และการหลอกลวงคนไปกักกันหรือทำร้ายด้วย
สำหรับการกำหนดเส้นตายให้กัมพูชาดำเนินการถอนอาวุธนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า กำหนดแล้ว ถ้าทำได้วันนี้ วันที่ 29 ตุลาคม เราก็จะถอนอาวุธออกไปให้มากและเร็วที่สุด ซึ่งผู้ที่กำหนดเส้นตายของไทยน่าจะเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ส่วนของกัมพูชา น่าจะเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งได้พูดคุยกันอยู่แล้ว และวันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย จะตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาติดตามการดำเนินการตามข้อตกลง 4 ข้อ โดยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประธาน ซึ่งเมื่อเช้านี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้โทรมารายงานแล้ว ดังนั้นทุกอย่างได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนและเวลาที่ควรจะเป็น และขณะนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยจากการที่มีการพูดคุยกัน ได้ทำความเข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย ว่าตรงไหนที่ยังเป็นข้อสงสัยขอให้กลับไปแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโดยเร็วที่สุด
ส่วนที่มีสื่อระบุว่า นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่าไทยรุกล้ำกัมพูชา นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงประเด็นนี้ว่า ตนเองไม่ได้บอกว่าไทยรุกล้ำกัมพูชา ตนบอกว่าถ้าเพราะเมื่อวานขาดคำพูด คำว่าพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งก็คือคำที่เป็นคำอย่างเป็นทางการ เมื่อวานนึกไม่ออกคำนึ้ เลยบอกว่า ในพื้นที่ตรงนั้นมีคนไทยอยู่ และมีคนกัมพูชาอยู่ ถ้าเราตกลงกันได้แล้ว ถ้าเขาอ้างสิทธิของเขาได้ และเรายอมรับได้ เราก็ต้องกลับมาในดินแดนของเรา และเขาก็ต้องกลับไปในดินแดนของเขา ตนคิดว่าการดำเนินการในเรื่องนี้ ต้องมีหลักความยุติธรรม ถ้าเราอยู่ในที่ดินของเขาก็ต้องกลับมา แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร บางคนก็บอกว่าไม่มีคนอยู่ เป็นที่เกษตรที่ทำนา ถ้าเราไปทำตรงนั้นเป็นพื้นที่อ้างสิทธิอยู่ก็ทำให้ชัดเจนแค่นั้นเอง จริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องท้าย ๆ ถ้าไม่มีเรื่องแรกเรื่องของข้อพิพาทกัน หรือรบกัน เรื่องนี้แทบจะไม่มีใครเคยยกขึ้นมาเลย แต่เมื่อเป็นส่วนหนึ่งแล้วก็ต้องดำเนินการตามข้อตกลงที่เรามีต่อกัน
“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ต้องขอความกรุณาว่า การทำงานต้องมีหลาย ๆ เรื่อง และเป็นเรื่องที่ต่อเนื่องกัน ผู้สื่อข่าวถามอะไรที่ผมตอบได้ ก็ตอบ ไม่มีอะไรที่ปิดบัง และอยากให้ทุกคนได้รับทราบข้อมูลที่เป็นความจริง จะได้ไม่มีใครมาคาดเดา และพูดออกมาโดยใข้โซเซียลมีเดีย พยายามเปิดเผยกับประชาชนให้ได้มากที่สุด ”
ส่วน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้มีการพูดถึงการเปิดด่านหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่พูดถึงเรื่องที่ซีเรียส เขาก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูด เราก็ไม่ได้เสนอในส่วนนี้ จนกว่าการดำเนินการทั้งหมด จะสิ้นสุดลงและดำเนินการไปด้วยความเรียบร้อย เรายังต้องมีอีกด่านหนึ่งคือการหาวิธีฟื้นฟูความสัมพันธ์ ตอนนี้ไทยเหลือแค่เลขานุการโทประจำกรุงพนมเปญ อยู่ในสถานทูตไทยเท่านั้นเอง หาก 4 ข้อนั้นได้รับการปฏิบัติ ก็จะมาพูดคุยเรื่องความสัมพันธ์อย่างไร เริ่มจากอะไร และเมื่อความสัมพันธ์กลับมาสู่ภาวะปกติ จึงจะไปดำเนินการในเรื่องการเปิดด่าน ดังนั้นทุกคนก็รู้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องการเปิดด่าน ไทยก็ยังเก็บไว้อยู่กับไทย
แท็กที่เกี่ยวข้อง ชายแดนไทยกัมพูชา ,อนุทินชาญวีรกูล ,ฮุนมาเนต ,ประชุมทวิภาคี