เลือกตั้งและการเมือง

"เท้ง ณัฐพงษ์" แนะนายกฯ โชว์ในเวทีอาเซียนซัมมิท ไทยจะต้องเป็นตัวตั้งตัวตีปราบสแกมเมอร์-ทุนเทา

24 ต.ค. 2568

38 views

24 ต.ค. 2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ประเทศไทยจะต้องเป็นตัวตั้งตัวตีปราบสแกมเมอร์-ทุนเทา ในเวทีอาเซียนซัมมิท” ว่า

ปัญหาที่กระทบต่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศไทยมากที่สุดตอนนี้ คือกรณีสแกมเมอร์และเครือข่ายฟอกเงินเทาที่กำลังเข้าครอบงำประเทศไทย ปัญหานี้ไม่สามารถแก้ไขได้โดยกลไกภายในของไทย เพราะมีสภาพการกระทำผิด และการไหลเวียนของเงินครอบคลุมเป็นเครือข่ายระดับข้ามประเทศ

ทีมไทยแลนด์เองก็เพิ่งประสบความสำเร็จ ชนะโหวตในการผลักดันการแก้ปัญหานี้ให้เป็นวาระเร่งด่วน ในเวทีรัฐสภาโลก(IPU) ที่นำโดยประธานวันมูหะมัดนอร์ มะทา, รังสิมันต์ โรม และกัณวีร์ สืบแสง เป็นตัวแทนรัฐสภาไทยไปร่วมประชุม และจะมีการแถลงรายละเอียดอย่างเป็นทางการในวันที่ 29 ตุลาคมนี้

ดังนั้น โอกาสที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กำลังจะเดินทางไปร่วมประชุมอาเซียนซัมมิท ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ในช่วงวันที่ 26-28 ตุลาคมนี้ จึงเป็นโอกาสทองที่ไทยจะได้ใช้เวทีนี้ จัดการภัยคุกคามสแกมเมอร์

ผมมีข้อเสนอว่า ทีมไทยแลนด์ ก็ควรใช้เวทีอาเซียน ริเริ่มบทบาทนำในการดำเนินการเกี่ยวกับการปราบปรามสแกมเมอร์ด้วยวิธีการที่เป็นรูปธรรมดังต่อไปนี้

1. เสนอตัวเป็นเจ้าภาพในการจัดการปัญหาสแกมเมอร์ในภูมิภาค ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนในหลายประเทศทั่วโลก โดยไทยจะตั้ง Special Jointed Taskforce ต้านสแกมเมอร์ ประสานความร่วมมือใน 3 ประเด็น ได้แก่

1.1 Information-sharing ขยายผลการสอบเส้นเงิน เพื่ออายัดทรัพย์และป้องปราม การฟอกเงิน

1.2 ประสานตำรวจสากลและตำรวจแต่ละประเทศ ขยายผล ดำเนินคดีอาญาต่อผู้เกี่ยวข้อง

1.3 ประสานญาติ/ผู้เสียหายในแต่ละประเทศเพื่อช่วยเหลือเยียวยาเหยื่อค้ามนุษย์โดยเร็วและเป็นธรรม

2. นอกจากการประสานความร่วมมือกับชาติอาเซียน โดยเฉพาะสิงคโปร์ ซึ่งให้ความสำคัญกับการปราบปรามการฟอกเงิน ไทยยังสามารถใช้เวทีนี้ในการแสดงเจตจำนงว่าต้องการร่วมมือกับสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ และจีน ในฐานะประเทศที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก และเริ่มการสอบสวนกรณีสแกมเมอร์ไปแล้ว โดยอาจเสนอให้มีการใช้กลไก ICRG ของ FATF ในการตรวจติดตามการปรับปรุงมาตรการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินของกัมพูชา และจะได้มั่นใจว่าหากกัมพูชาไม่มีการปรับปรุง จะถูกพิจารณาให้อยู่ในบัญชีสีเทา

3. เสนอยกระดับของกลไกอาเซียนที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพ อาทิ ASEAN Declaration on Combating Cybercrime and Online Scam และ ASEAN Declaration on Transnational Crimes

4. ไทยควรประกาศเจตจำนงมุ่งมั่นว่าจะเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยตั้งเป้าหมายลงสัตยาบัน UN Convention Against Cybercrime 2024 ภายใน 1 ปี

หากเราใช้เวทีอาเซียนในการผลักดันบทบาทของไทยในฐานะศูนย์กลางการปราบปรามสแกมเมอร์ได้สำเร็จ จะไม่เพียงเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อสแกมเมอร์ แต่ยังสามารถใช้ประเด็นนี้ สร้างบทบาทนำ เพิ่มเกียรติภูมิและพลังต่อรองของไทยในเวทีโลกได้อีกด้วย

คุณอาจสนใจ

Related News