“บวรศักดิ์” เปิดใจ ยื่น 3 เงื่อนไข รับตำแหน่งมือกฎหมายรัฐบาลอนุทิน-แจงความคืบหน้าเรื่อง “ทักษิณ”

“บวรศักดิ์” รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เปิดใจครั้งแรกเหตุผลรับตำแหน่งมือกฎหมายรัฐบาลอนุทิน ชี้ยื่น 3 เงื่อนไข ไม่ขอเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย - ไม่ยุ่งคดีเขากระโดง – ฮั้ว สว. เผย จ่อสางกฎหมายกิโยติน หลังค้างตั้งแต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ หึ่ม 3 เดือนไม่ทำต้องมีมาตรการ รับ อภัยโทษ “ทักษิณ” อยู่ในขั้นตอนขอพระราชวินิจฉัย หลัง รัฐมนตรียุติธรรมถวายความเห็นยกฎีกา

เมื่อเวลา 10.50 น.นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงการตัดสินใจร่วมงาน กับรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า นายกรัฐมนตรีให้เวลาตนคิด 1 วัน และตนได้ปรึกษาลูก บุคคลใกล้ชิด และผู้ใหญ่ รวม 3 คน ด้วยเหตุผลข้อที่ 1 คือ มีบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่สมาชิกพรรค มาร่วมรัฐบาล เช่น นายเอกนิติ นิติทันฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งรู้จักกันเพราะท่านไปเรียนที่สถาบันพระปกเกล้า และตนก็สนิทกับบิดาของนายเอกนิติ ส่วนสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้วรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่สมัย รัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ซึ่งนายสีหศักดิ์ เป็นผู้ประสานงานของกระทรวงการต่างประเทศ จึงคิดว่านายกรัฐมนตรี มีความตั้งใจจริงที่จะทำอะไรบางอย่าง

นายบวรศักดิ์ ยังกล่าวถึงเหตุผลข้อที่ 2 ว่า ตนได้ขอพร 3 ข้อจากนายกรัฐมนตรี คือ 1. ไม่ขอเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย 2. ตนไม่ขอเข้าไปยุ่ง หรือแทรกแซงองค์กรอิสระ เรื่องคดีเขากระโดงและคดีฮั้วสว. และ 3 ตนได้บอกว่าเป็นคนคิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ดังนั้นตนจะมีความเห็นอย่างไรต่อครม.หรือตัวนายกรัฐมนตรี ก็ต้องให้ตนพูด และจะทำหรือไม่ก็เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี และคิดว่ารัฐบาล 4 เดือน บวก 4 เดือนรักษาการ ก็ไม่ได้เยอะอะไร

นายบวรศักดิ์ ยังเปิดเผยอีกว่า ตนอยากทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา โดยในสัปดาห์หน้าจะเสนออะไรบางอย่างเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นอกจากนี้ตนอยากทำเรื่องการยกเลิกกฎหมายกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อประชาชนและเอกชน หรือ ที่เรียกว่ากิโยติน ซึ่งตนทำมาตั้งแต่สมัยคณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ขณะนี้ยังไม่ไม่ถึงไหน เพราะส่วนราชการยึกยัก

ส่วน 4 เดือนนี้คิดว่าจะทำทันหรือไม่ นายบวรศักดิ์ ยืนยันว่า จะพยายามทำสุดฤทธิ์ หากเดือนแรกยังไม่มีการทำ เดือนที่ 2 ตนจะไปหารัฐมนตรี ให้เชิญปลัดกระทรวงหรืออธิบดี มานั่งเพื่อยกมือไหว้ขอกันดีๆ แต่หากยังไม่ทำ เดือนที่ 3 จะต้องมีมาตรการบางอย่าง และหากยกเลิกกฎระเบียบเหล่านี้ได้ ประเทศไทยจะง่ายขึ้นในการเลื่อนระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน และจะนำไปสู่ระดับตัวชี้วัดในหลักนิติธรรมของ. โครงการที่ The World Justice Project หรือ องค์กรโครงการยุติธรรมโลก

เมื่อถามว่านายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายได้มีการเตือนให้ระวังอะไรหรือไม่ นายบวรศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า ไม่มี ตนก็โทรไปถามท่าน ท่านก็บอกให้รับเถิด เพราะนายวิษณุเป็นรองนายกรัฐมนตรีตลอดกาล

พร้อม กล่าวถึงเรื่องการขอรับพระราชทานอภัยโทษ ว่า ถือเป็นสิทธิ์ตามกฎหมายของผู้ต้องโทษในมาตรา 259 ที่ผู้ต้องคำพิพากษาให้รับโทษ เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ถ้าจะทูลเกล้าฯถวายเรื่องราวต่อพระมหากษัตริย์ขอรับพระราชทานอภัยโทษ จะยื่นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แต่ผู้ต้องขังมีสิทธินี้จะถูกจำกัดในกรณีที่มีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษแล้วถูกยกหนหนึ่ง ซึ่งมีกฎหมายบัญญัติไว้ว่าจะต้องพ้นจากระยะ 2 ปีจึงจะสามารถขอถวายฎีกาใหม่ได้ เว้นแต่กรณีนักโทษประหารชีวิต ที่มีสิทธิถวายฎีกาได้เพียง 1 ครั้ง

เมื่อถามว่าของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายยกฎีกามีการจริงหรือไม่ นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ในกรณีของนายทักษิณ มีพระบรมราชโองการ เมื่อ 31 สิงหาคม 2566 มีพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษเหลือโทษจำคุกต่อไปอีก 1 ปี และวันนี้ศาลฎีกามีคำสั่งบังคับโทษ นายทักษิณจึงเข้าไปรับโทษตามคำสั่งของศาลฎีกา เพราะฉะนั้นจึงไม่มีการยกฎีกาอะไรมาก่อน

นายบวรศักดิ์ ยังยื่นถวายฎีกาได้เพราะเป็นสิทธิที่รัฐมนตรีมีหน้าที่ถวายเรื่องราว ส่งมายังคณะเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ต้องนำเรื่องนี้กราบบังคมทูลเสนอไปยังกรมราชเลขานุการในพระองค์ สำนักพระราชวัง ซึ่งปกติแล้วองคมนตรีมีหน้าที่ถวายความเห็น ซึ่งการอภัยโทษนั้นมี 2 รูปแบบคือประเภทเฉพาะราย และอภัยโทษเป็นการทั่วไป

เมื่อถามย้ำว่า นายทักษิณ ยังไม่เคยถูกยกฎีกาใช่หรือไม่ นายบวรศักดิ์ ยอมรับว่ามีการถวายฎีกา แต่เป็นเรื่องที่รัฐมนตรีมีหน้าที่ถวายคำแนะนำ ซึ่งท้ายที่สุดเป็นพระบรมราชวินิจฉัย และยังกล่าวว่าการเสนอยกฎีกา ถือเป็นอีกหนึ่งธรรมเนียม ซึ่งเหตุผลคือรัฐมนตรีเห็นว่าควรจะยก แต่ตนไม่สามารถแถลงในรายละเอียดได้ เนื่องจากเรื่องยังอยู่ในขั้นตอนการกะบังคมทูลฯ อธิบายได้เพียงแต่ข้อกฎหมาย