เลือกตั้งและการเมือง

ที่ประชุมถก กม.อากาศสะอาด “อดิศร” ลุกปรึกษาจะเสนอญัตติด่วน “อุโมงค์ถล่ม” เสนอนายกฯ ใหม่

25 ก.ย. 2568

231 views

สภาวุ่น! ที่ประชุมถก กม.อากาศสะอาด “อดิศร” ขอเสียมารยาท ลุกขอปรึกษาจะเสนอญัตติด่วน “อุโมงค์ถล่ม” จะได้เสนอนายกฯ ใหม่ ในฐานะที่เป็นวิศวกร-เอี่ยว บ.สร้างอุโมงค์ ด้าน “ภัทรพงษ์” สวน เหตุผลที่แท้จริง “เพื่อไทย” เอาคนเข้าที่ประชุมไม่ได้เลยเสนอญัตติ ซัด 15 ชั่วโมงที่เสียไป ต้องเสียไปกับการรอ สส.ฝั่งแดง ทำ “วิสุทธิ์” ลุกติง ควรจะให้เกียรติกัน บอกกำชับฝั่งตัวเองตลอด อย่าขี้เกียจสันหลังยาว

วันที่ 25 ก.ย. 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาคนที่หนึ่งทำหน้าที่ประธานในการประชุม ภายหลังพักการประชุมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. ... มาตรา 16 แล้วกลับมาประชุมต่อ นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นข้อหารือต่อประธานว่า อยากให้มีการหยิบยกกรณีที่อุโมงค์ถล่ม บริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิร โดยให้เลื่อนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาดไปสัปดาห์ต่อไป เพื่อจะได้นำเรื่องเฉพาะหน้า มาพิจารณาได้ทันท่วงที

“โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีเป็นใหม่ๆ ที่บอกว่าต้องใช้ระยะเวลา 1 ปีในการซ่อม สร้าง หรือแก้ไข ถ้าเรามีการพูดคุยกันเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีอาจจะบึ่งมาที่สภา แล้วจะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนในกรุงเทพฯ รวมถึงขวัญและกำลังใจในฐานะความมั่นคงและวิศวกรรมของประเทศ ในการสร้างรถไฟใต้ดินต่อไป จึงขอเสียมารยาทปรึกษา เพราะเรื่องที่เสนอเข้าใจว่าไม่เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ แต่ก็อยากให้มีโอกาสที่จะได้พูดคุยเรื่องนี้” นายอดิศร กล่าว

จากนั้น นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นสนับสนุนนายอดิศร กล่าวว่ากฎหมายนี้มี 200 กว่ามาตรา แต่เรื่องที่นายอดิศรเสนอขึ้นมาเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าใช้เวลา 1 ปี น่าจะต้องมีอะไรที่ต้องพูดคุยกัน อาจจะติดขัดข้อกฎหมายหรือสัญญาข้อตกลงที่ทำกับผู้รับเหมา ในโซเชียลบอกว่าญี่ปุ่นใช้เวลา 7 วัน แต่ของเราต้องแก้กฎหมายอะไรพิเศษหรือไม่ เพื่อให้เรื่องนี้เสร็จโดยเร็ว ที่อื่นเขาทำอุโมงค์รอบทะเลยังไม่เป็นอะไรเลย อันนี้แค่อุโมงค์รถไฟ ซึ่งมีทั่วไปรอบกรุงเทพฯ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าสภาจะหยิบยกเรื่องนี้มาพิจารณาในช่วงไหนก็แล้วแต่ ที่เห็นว่าเหมาะสมก็ควรทำ โดยการพักการพิจารณากฎหมายอากาศสะอาดในสัปดาห์หน้า

ทำให้นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ทราบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ แต่อย่างน้อย 3 กรรมาธิการก็พิจารณาเรื่องนี้ ถ้ามีการเสนอญัตตินี้จริงๆ ตนก็ไม่มีปัญหา แต่ขอลงมติต่ออีกสักหน่อย ไม่ใช่ว่าพักการประชุมแล้วมาเสนอกันเลย เพราะกลัวว่าองค์ประชุมไม่ครบหรือไม่ ตนก็ไม่ทราบ ตนอยากให้เดินหน้ากฎหมายอากาศสะอาด แล้วถ้ากรรมาธิการ ไม่มีปัญหาในการเสนอสตินี้ขึ้นมาแทรกก็สามารถทำได้

ต่อมา น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การบริหารงานของรัฐบาลจะต้องทำหลังจากแถลงนโยบาย แต่ตั้งแต่เมื่อวานเกิดเหตุขึ้นช่วงเช้า และเมื่อคืนนี้หลังสี่ทุ่ม นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ลงพื้นที่หน้างานตลอด และได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตลอด ดังนั้น จึงไม่อยากให้ข้อมูลในสภาออกไปเพียงครึ่งเดียว จริงที่มีข่าวว่าอุโมงค์ที่ญี่ปุ่นซ่อมภายใน 7 วัน แต่ไม่ได้มีที่เดียว ยังมีอีกหลายที่ บางที่ 9 เดือนซ่อมไม่เสร็จ ดังนั้น ควรให้ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็น ซึ่งกฎหมายอากาศสะอาดมีปัญหาเรื่ององค์ประชุมมาตั้งนานแล้ว รอเข้าสู่ที่ประชุมมาตั้งนานแล้ว พวกเราพร้อมจะโหวต แต่ขณะนี้ไม่รู้ว่าปัญหาติดอยู่ตรงที่องค์ประชุมไม่ครบหรืออย่างไร พ.ร.บ. อากาศสะอาดเราตั้งใจว่าจะทำให้เสร็จภายใน 3 วัน แต่ถ้าเสนอญัตติขึ้นมาแทรก ก็ทำให้กฎหมายอากาศสะอาดถูกเลื่อนล่าช้าออกไปอีก ฉะนั้น อยากให้เป็นผู้เชี่ยวชาญจริงๆ ที่ออกมาพูด ไม่ใช่ใครก็ได้แล้วจะเสนออะไรก็ได้

ทำให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม. พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นมา แต่พูดแนะนำตัวผิดว่าเป็นรัฐมนตรี ก่อนจะรีบแก้ไขและพูดต่อว่า ในพื้นที่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปสืบหาสาเหตุที่เกิดขึ้น แต่ประชาชนก็ยังกังวลใจอยู่ว่ามาตรการที่ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ ในจุดเกิดเหตุเป็นอย่างไร ถ้าหากย้อนกลับไปรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร เกิดเหตุปะทะกันที่ชายแดนไทยกัมพูชา เราก็ใช้สภาผู้แทนราษฎรรับฟังความคิดเห็นในวันที่เกิดเหตุทันที เป็นที่น่าแปลกใจ ทำไมครั้งนี้ถึงไม่หยิบยกขึ้นมา เพื่อที่จะนำมาซึ่งวิธีการแก้ไข จึงขอให้หาเวลาที่เหมาะสม เพื่อจะอภิปรายในญัตตินี้

จากนั้น นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคประชาชน ลุกขึ้นตอบโต้ว่าอากาศสะอาดยังสำคัญต่อชาวกรุงเทพฯ เช่นเดียวกัน และการทำหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรคือการออกกฏหมายเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน ส่วนเรื่องญัตติอุโมงค์ถล่ม มีกลไกของสภาดำเนินการอยู่ ทั้ง สส. ในพื้นที่ได้ลงพื้นที่แล้วและในกรรมาธิการก็มีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลอยู่แล้ว หากเรามีการพูดคุยกันเรื่องนี้ สุดท้ายก็มีความเห็นส่งให้ฝ่ายบริหารเหมือนกัน เช่นเดียวกับกรรมาธิการที่กำลังทำงานกับ กทม. อยู่ สิ่งที่ทำประโยชน์ได้ในตอนนี้คือการออกกฎหมายอากาศสะอาดให้ประชาชนได้โดยเร็วที่สุด

ทำให้นายอดิศร ลุกขึ้นมาอีกรอบ กล่าวว่า สภาพจิตใจมันหวั่นไหว เราไม่รู้ว่าอุบัติภัยแบบนี้จะเกิดขึ้น ทุกคนเห็นด้วยกับ พ.ร.บ. อากาศสะอาด แต่ พ.ร.บ. อากาศสะอาด วันนี้พูดทั้งวันก็ไม่จบ ก็ต้องเลื่อนไปวันหน้าอยู่ดี ถ้าเราลงมติไปซักระยะหนึ่งแล้วเวลาเหมาะสม ตนเห็นว่าก็ควรเอาเรื่องนี้มาพูด เพราะที่นี่มีวิศวกร มีหลากหลายอาชีพ เพื่อเสนอให้นายกรัฐมนตรีอนุทินที่เป็นวิศวกรและมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทที่ก่อสร้างอุโมงค์ เสนอโดยไม่มีพรรคนั้นพรรคนี้ เพราะต้องการให้อุโมงค์นี้เป็นของสาธารณะ เป็นของประชาชน

นายอดิศร ยังยกรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 วรรค 2 เพื่อประกอบการตัดสินใจของประธาน ระบุว่าในรัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าก่อนแถลงนโยบายต่อรัฐสภา หากมีความจำเป็นเร่งด่วน หากปล่อยให้ช้าไปจะส่งผลกระทบต่อประโยชน์สำคัญของแผ่นดิน คณะรัฐมนตรีจะดำเนินการไปพลางก่อนเพียงเท่าที่จำเป็นก็ทำได้

ทำให้นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชนลุกขึ้นกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า เรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ไม่ใช่ว่าอุโมงค์หรืออากาศสะอาด อันไหนสำคัญกว่ากัน แต่เป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยไม่สามารถเอาคนเข้าที่ประชุมได้เท่านั้น ทำให้นายไชยา ปิดไมค์ทันที พร้อมระบุว่าไม่ควรพาดพิงกัน

ต่อมา นายภัทรพงษ์ กล่าวว่า ฝากไปยังกรรมาธิการ พ.ร.บ.อากาศสะอาด ให้บอกพรรคเพื่อไทยให้เข้าประชุม เราไม่ได้ถกเถียงกันรายมาตราเลย

“การอภิปรายร่างนี้จะต้องใช้เวลามากเลย เราไม่ได้ถกเถียงกันในรายมาตรา แต่ละมาตราเมื่อเช้า ผมจับเวลาอยู่ไม่มีการอภิปรายเลยใช้เวลาการแสดงตน 3-8 นาทีต่อมาตราไม่มีการอภิปรายใดเลย 300 โหวต อย่างน้อย 900 นาที 15 ชั่วโมง ที่เราต้องเสียไปกับการรอพรรคเพื่อไทยเข้าประชุม” นายภัทรพงษ์ กล่าว

จากนั้น นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส. บัญชีรายชื่อ ประธาน สส. พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า ตั้งแต่เมื่อวานพยายามอยู่จนจบ เพื่อให้กฎหมายผ่านให้ได้อากาศสะอาด ถือว่ามีความสำคัญกับประชาชน ตนนั่งอยู่ที่นี่กดให้ทุกครั้ง และพยายามตามคนอื่นให้มาโหวตด้วย สมัยเป็นรัฐบาล ตนก็ว่าแต่ สส.รัฐบาล ให้มาประชุม เพราะเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ไม่ใช่ขี้เกียจสันหลังยาว ไม่เคยว่าฝ่ายค้าน พยายามตามอย่างเต็มที่และตำหนิพวกเดียวกัน ฉะนั้น อยู่ในสภาด้วยกันควรให้เกียรติกัน ถ้าจะกล่าวหากันก็จะเป็นไปอีกอย่าง

นายปกรณ์วุฒิ จึงประท้วงประธานว่า ไม่ได้กล่าวหาใคร แต่ขอพูดข้อเท็จว่า กฎหมายฉบับนี้มีทั้งหมด 7 ฉบับ ร่างหลักเป็นของคณะรัฐมนตรีนำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น มาตรา 16 ก่อนจากพักการประชุม พรรคเพื่อไทย 146 คนอยู่เป็นองค์ประชุมแค่ 42 คน รวมประธานแล้ว

“ผมไม่ได้กล่าวหาและไม่ได้บอกว่าเป็นหน้าที่ แต่ลองลุกขึ้นมาพูดสิว่าการเป็นองค์ประชุมใน พ.ร.บ.อากาศสะอาดฉบับนี้มันคือการแบกองค์ประชุมรัฐบาลแล้ว ไม่ใช่หน้าที่ของพรรคเพื่อไทยลุกขึ้นมาพูด เอาชัดๆ แล้วพูดให้ประชาชนได้รับรู้ไปเลยว่าเพื่อไทยไม่รับผิดชอบพ.ร.บ.อากาศสะอาดอีกแล้ว ผมจะไปคุยกับพรรคอื่นมาเป็นองค์ประชุมให้เอง” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

จากนั้น มีการถกเถียงเรื่ององค์ประชุม นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า กฎหมายนี้เสนอตั้งแต่รัฐบาลเพื่อไทย ประธานกรรมาธิการก็เป็นคนของเพื่อไทย เพราะฉะนั้นพรรคเพื่อไทยควรจะเป็นองค์ประชุมในการผ่านร่างกฎหมาย

ต่อมานายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ประธานกรรมาธิการ ลุกขึ้นชี้แจงว่า ร่างกฎหมายมีทั้งหมด 8 ร่าง จากทุกพรรคการเมือง จะเอ่ยไม่ได้ว่าเป็นกฎหมายของใครที่จะทวงคืนอากาศบริสุทธิ์ให้กับคนไทย อยากให้แยกประเด็นเรื่องของพรรคการเมือง บรรยากาศทางการเมือง จึงวิงวอนให้ สส.ที่มีศักดิ์มีสิทธิ์มีเสียง ในการที่จะโหวตให้กฎหมายนี้ผ่านได้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดบังคับใช้คืนอากาศบริสุทธิ์ให้กับพวกเรา ตนเป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทย แต่ก็อยากให้แยกประเด็นและขอความร่วมมือจากทุกคน เพื่อให้ผ่านกฎหมายฉบับนี้

นายไชยา จึงขอให้พิจารณาไปถึงส่วนที่ 3 คณะกรรมการอากาศสะอาดจังหวัดก่อน น่าจะถึงมาตราที่ 23/8 แล้วค่อยนำเสนอญัตติด่วนขึ้นมา จากนั้นที่ประชุมจึงพิจารณากฎหมายสะอาดต่อไป


คุณอาจสนใจ

Related News