ไม่มาก็จะไปหาเอง! กมธ.มั่นคงฯ จี้ รมว.แรงงาน จัดการปัญหาแรงงานขาดแคลน

ไม่มาก็จะไปหาเอง! “กมธ.มั่นคงฯ” เตรียมบุก ก.แรงงาน 8 ก.ย.นี้ จี้ “รมว.แรงงาน” จัดการปัญหาแรงงานขาดแคลน หลังชาวกัมพูชาแห่กลับบ้าน แนะเร่งประชาสัมพันธ์หาทางพึ่งตนเอง

วันที่ 20 ส.ค.2568 นายมานพ คีรีภูวดล รองประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทยยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวภายหลังการประชุม ว่า อยากจะสื่อสารกรณีประเทศไทยกำลังขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากมีผู้ประกอบการมาร้องกับกรรมาธิการความมั่นคงฯ และเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ชายแดนทั้งฝั่งกัมพูชาและเมียนมา ตามข้อตกลงของรัฐบาลไทยในอดีตที่ผ่านมา ก็จะมีข้อตกลงในการรับแรงงานเข้ามาทำงานในประเทศไทยอยู่ 3 ประเทศ คือ กัมพูชา เมียนมา และลาว

“กรณีของกัมพูชาได้รับรายงานว่า แรงงานกลับสู่ประเทศจากความกดดันของรัฐบาลกัมพูชาเองประมาณ 800,000 กว่าคน และเหลืออีก 20% ที่ยังไม่ยอมกลับ ทำให้สถานการณ์แรงงานกัมพูชาตอนนี้มีความพยายามเข้ามาทำงานเพราะกลับบ้านแล้วไม่มีงานทำเรื่องนี้ก็ต้องหารือกับสภาความมั่นคงแห่งชาติว่าจัดการเรื่องนี้อย่างไร” นายมานพกล่าว

นายมานพ ระบุว่า แรงงานที่เราจำเป็นต้องใช้มีอยู่ 5 กลุ่มกิจการ คือ ด้านก่อสร้าง 1 แสนกว่าคน ด้านเกษตรฯ 65,000 กว่าคน ด้านบริการ 48,000 คน ด้านเกษตรต่อเนื่อง 48,000 คน และการผลิตอาหารประมาณ 30,000 กว่าคน ซึ่งสิ่งที่หารือกันในวันนี้มีอยู่ 2 ส่วน ส่วนแรก คือแรงงานสัญชาติกัมพูชาที่ได้กลับไปจะกลับเข้าสู่ประเทศไทยได้อย่างไรก็เป็นเรื่องของรัฐบาล และความมั่นคงว่าจะหารือกันอย่างไร แต่เข้าใจว่าต้องมีการแอบเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติแน่นอน

ส่วนที่ 2 คือ แรงงานประเทศเมียนมาที่ต้องต่ออายุ แต่เราเจอปัญหาที่ประเทศต้นทางอย่างเหตุการณ์ภายในประเทศไม่สงบ ทางเมียนมาจึงขอให้รัฐบาลไทยว่าใครจะต่ออายุการทำงานในประเทศไทยต้องไปแสดงตัวตน หรือ CI และต้องตรวจสุขภาพ แต่เราเจอปัญหาคือแรงงานเมียนมาจำนวนมากไม่ยอมไปรายงานตัว หากแรงงานเหล่านี้ไม่ยอมไปรายงานตัวจะกลายเป็นบุคคลที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยแบบผิดกฎหมาย

โดยวันที่ 8 กันยายน 2568 ทางกรรมาธิการจะไปหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเพื่อหารือประเด็น CI ว่าทำไมเราต้องฟังทางรัฐบาลเมียนมาอย่างเดียว รวมถึงเรื่องค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทำให้แรงงานไม่ยอมไปขึ้น ทั้งนี้ ตนอยากฝากกระทรวงแรงงานว่า กลุ่มแรงงานที่ขาดแคลนเวลานี้จำเป็นต้องมีตัวเลขที่ชัดเจน และอยู่ที่ไหนบ้าง เพื่อให้แรงงานในประเทศไทย หรือคนที่อยากเข้ามาทำงานใช้โอกาสนี้ไปทำงาน เช่น การขาดแคลนแรงงานเก็บลำไย เมื่อเห็นว่ามีรายได้ที่ดีก็ทำให้มีแรงงานไทยสมัครเข้ามา

นายมานพ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของกระทรวงแรงงานที่ต้องประชาสัมพันธ์ ว่าเราจะพึ่งพาตัวเองได้อย่างไรก่อนที่จะพึ่งพาประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีปัญหาเรื่องความมั่นคง โดยเรื่องนี้เป็นประเด็นเร่งด่วน ที่ทางกระทรวงแรงงานต้องดำเนินการ