เลือกตั้งและการเมือง

"ทนายตั้ม" บุกสภา​ ยื่นประธานสภาฯ ปลด​ "ส." พ้นทุกตำแหน่ง​ใน​ กมธ.​ เย้ยแค่เสียงตัวเองยังไม่กล้ารับ​ ไม่สนขู่ฟ้อง​ เรียกชื่อดัง​ 3 ครั้ง​

โดย kanyapak_w

5 ชั่วโมงที่แล้ว

96 views

"ทนายตั้ม" บุกสภา​ ยื่นประธานสภาฯ ปลด​ "ส." พ้นทุกตำแหน่ง​ใน​ กมธ.​ เย้ยแค่เสียงตัวเองยังไม่กล้ารับ​ ไม่สนขู่ฟ้อง​ เรียกชื่อดัง​ 3 ครั้ง​ ท้ามาฟ้อง​เลย​ เชื่อ​ สาวถึงบิ๊กบอสยาก​ แต่เขาสนิท "หัวหน้า​ พปชร." ผู้มากบารมี ด้าน​ "เลขาประธาน" ​ กำชับ หากพบใครใน​ กมธ.มีความผิด ประธานมีความผิดด้วย​



18 ต.ค. 2567 ที่รัฐสภา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ​ ยื่นหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา​ เพื่อขอให้ตรวจสอบและปลดนาย ส. สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ​ ออกจากคณะกรรมาธิการทุกคณะ​ หลังปรากฎมีเสียงคล้าย​ คนในคลิปเรียกรับผลประโยชน์​ผู้บริหารดิไอคอน​



ซึ่งเบื้องต้น​ ตรวจสอบแล้ว​ มีอยู่เกือบ 10 คณะ ที่นาย ส. เป็น​กรรมาธิการ​ อาทิ​ ที่ปรึกษากรรมาธิการการแรงงาน​ , ที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการศึกษาการส่งเสริมคุณภาพชีวิต ตั้งแต่ตั้งครรภ์จนถึง 6 ปี​ , กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง​ พ.ร.บภาษี​ สรรพสามิต​ และเป็นโฆษกอนุกรรมาธิการศึกษาหนี้นอกระบบ​



ทั้งนี้​ นายษิทรา กล่าวว่า​ เท่าที่ทราบตอนนี้​นายส.​ ยังอยู่ไทย​ แต่ไม่กล้าออกมาตอบคำถามพี่น้องสื่อมวลชน​ เพราะแค่เสียงตัวเอง ยังไม่กล้ายอมรับเลย​ และเท่าที่ดูเรื่องของนายส.​ ก็ยังมีให้คนอื่นไปเรียนแทน​ และตนก็ไม่รู้ว่ากลับมาได้อย่างไร​ เพราะเคยออกจากพรรคพลังประชารัฐไปแล้ว​



เมื่อถามว่าคนที่อยู่เบื้องหลังนาย ส. มีใครที่อยู่ระดับสูงกว่านี้หรือไม่ นายษิทรา ก็รู้กันอยู่​ ว่า​ เขาสนิทสนมกับใคร นั่นก็คือหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้มีบารมีค่อนข้างสูง



ส่วนที่พรรคพลังประชารัฐปลดนาย ส. ออกจากรองโฆษกพรรค​ นายษิทรา​ กล่าวว่าเป็นสิ่งที่ควรทำตั้งนานแล้ว​ ไม่ใช่ตนเข้าไปร้อง​และเห็นผู้สื่อข่าวเยอะ​ ก็เพิ่งดำเนินการ​ พรรคควรทำตั้งแต่ก่อนที่จะมีคนไปร้องด้วยซ้ำ เพราะมันเป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม



เมื่อถามว่าที่ผ่านมานาย ส.​ ขู่ทุกคนว่าจะฟ้องกลับ​ หากมีการเอ่ยชื่อ​เขา​ แต่ทนายตั้มเป็นคนแรกที่กล้าเอ่ยชื่อถือเป็นการเปิดหน้าชนเลยหรือไม่​ นายษิทรา​ กล่าวว่า​



"มีขู่มาตลอด​ ถ้าใครเอ่ยชื่อเขา​ จะฟ้อง วันนี้ตนจะขอเอ่ยชื่อเขา 3 ครั้ง นาย ส.​ นาย ส.​ นาย ส. จะฟ้องผม​ กี่ครั้งก็ฟ้องมาจากครับ​ เพราะเรื่องนี้ฟังจากคลิปเสียงแล้ว ผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ต่อส่วนรวม คนประเภทแบบนี้​ ตบทรัพย์เขา ​ ไม่ควรจะอยู่ทำงานเกี่ยวกับการเมืองเลย พอเรื่องเงียบก็ชุบตัว แล้วกลับมาใหม่​ มาในตำแหน่งใหม่​ คลิปเสียงผมให้ใครฟังแล้ว​ ก็บอกว่าเป็นนาย ส.​ บางคนไม่อยากออกสื่อเพราะกลัวจะ​ เดี๋ยวผมจะขอพยานที่เขาสมัครใจ อย่างพี่สิระ​ เจนจะคะ​ น่าจะเป็นเพื่อนรักกั​น​ เขาถึงจำเสียงได้แม่นเลย"



เมื่อถามว่าบุคคล มี Power จริงหรือแอบอ้าง​ นายษิทรา​ กล่าวว่า​ ตัวเขาอยู่ใกล้ผู้หลักผู้ใหญ่ เขาก็น่าจะมี Power และเขาคงจะมีผู้ใหญ่ให้ท้าย เพราะถ้าไม่มีผู้ใหญ่ให้ท้ายเขาคงไม่ปีกกล้าขาแข็ง ถึงขนาดนี้ ถึงขนาดไปเรียกเงินจากบอสพอล ให้ดูแลเป็นรายเดือน​ นี่เป็นแค่กรณีเดียวและยังมีอีก ซึ่งหากใครถูกเรียกค่าดูแลขอให้แจ้งตนได้เลย ตนพร้อมจะจัดการให้​



เมื่อถามว่าการคลับนาย ส. ออกจากรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ​ ในทางพฤตินัย​ยังติดต่อกันหรือไม่​ นายษิทรา​ กล่าวว่า​ ไม่แน่ใจว่าเป็นการขับเพื่อลดแรงกระแทก จากคนที่สนใจข่าวนี้หรือไม่​ แต่ตนคิดว่า​ ถ้าพอเรื่องเงียบ​ ในสามารถกลับมารอบนี้เป็นหัวหน้าพรรคจะทำอย่างไร​ ทุกอย่างเป็นไปได้หมด​ ฉะนั้นการพรรคขับเขาออกแล้ว​ ก็ต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนด้วย​ ว่า​ มีการรีดเงินจริงหรือไม่​



เมื่อถามว่าจะสาวไปถึงบิ๊กบอสทางการเมืองตัวจริงหรือไม่​ นายษิทรา​ ร้องโหย​ ถ้าจะเอาจริงก็คงเป็นเรื่องยาก ถ้าเขามีพฤติกรรมอย่างว่าจริง และถ้าต้องเอาเงินไปให้คนที่อยู่สูงกว่า เขาก็คงไม่รับสารภาพ เพราะจะไปถึงบิ๊กบอสได้ตัวไหนสามารถเองต้องรับสารภาพ



นายษิ​ทรา​ ยังขายหนังตัวอย่างว่า​ วันจันทร์นี้​ จะไปยื่น​ถึงนาย น. ​อีก​ แต่ขออุปไว้ก่อน​ ว่า​เป็นที่ไหน



ด้านนายมุข สุไลมาน เลขานุการ ประธานสภาผู้แทนราษฎร​ เป็นผู้มารับหนังสือแทน​ กล่าวว่า​ ตอนนี้​ประธานรัฐสภา​ ได้สั่งให้ประธานกรรมาธิการทุกคณะ​ ตรวจสอบบุคคลที่ เข้ามาดำรงตำแหน่งในกรรมาธิการทุกตำแหน่ง เพื่อไม่ให้ใช้ตำแหน่งดังกล่าวไป หลอกลวงพี่น้องประชาชน ซึ่งหากยังพบว่ามีประเด็นดังกล่าว คนที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบคือ​ "ประธานกรรมาธิการ" และหลังจากนี้ก็จะดำเนินการตรวจสอบเรื่องของการใช้ตำแหน่งหน้าที่​ โดยมิชอบอย่างเข้มข้นต่อไป​

คุณอาจสนใจ

Related News