เลือกตั้งและการเมือง
‘สนธิ’ ลุยสุดซอย ยื่นยกเลิก MOU44 ซัดขายชาติ ปลุกม็อบลงถนน ขีดเส้นตาย 15 วัน ‘นายกฯ’ ต้องมีคำตอบ
โดย JitrarutP
9 ธ.ค. 2567
341 views
มือตบคืนชีพ!! “สนธิ” นำมวลชนยื่น “นายกฯ” ยกเลิก MOU44 ซัด ขายชาติ ขีดเส้นตาย 15 วัน ต้องมีคำตอบ ลั่น สู้ครั้งนี้ต้องสุดซอย ต้องคิดรอบคอบ ถ้าลงถนนต้องชนะลูกเดียว
09.30 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล และ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ 2 อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินทางเข้า ยื่นหนังสือถึง นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เพื่อคัดค้าน และขอยกเลิก MOU44 เพราะอาจทำให้ประเทศไทย ต้องสูญเสียผลประโยชน์มหาศาลในพื้นที่อ้างสิทธิ์ทางทะเล ไทยกัมพูชา ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล
โดยบรรยากาศ เป็นไปอย่างคึกคักมีกลุ่มมวลชนที่ส่วนใหญ่สวมเสื้อสีเหลือง พร้อมกับนำธงชาติไทย และ ธงช้าง (ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ธงชาติเดิมของประเทศไทย) และป้ายสัญลักษณ์ข้อความต่างๆ พร้อมกับมีการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อ กับมวลชนที่มาแสดงจุดยืนในวันนี้เพื่อแนบท้ายไปกับคำร้องฯ โดยมวลชนมีจำนวนมากจนเต็มพื้นที่ ลานจอดรถและใต้อาคาร ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ของทำเนียบรัฐบาล
ขณะบริเวณจุดแถลงข่าว ได้มีการนำเอาป้ายแผนที่โดยรอบพื้นที่ทางทะเล บริเวณที่ทับซ้อนระหว่างไทยและกัมพูชามาติดตั้ง พร้อมกับนำเอาภาพ ส.ค.ส. พระราชทาน พ.ศ. 2547 จาก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเป็นภาพแผนที่บริเวณคาบสมุทรอินโดจีนบนตารางช่องเล็ก ๆ ซึ่งมีเสาธงปักอยู่ พร้อมภาพระเบิดและควันล้อมรอบคาบสมุทรอินโดจีนอยู่ทั้ง 4 ด้าน มาเตรียมไว้
จากนั้นเมื่อนายสนธิ และ นายปานเทพ เดินทางมาถึง มวลชนได้ร่วมกันตะโกนให้กำลังใจนายสนธิ ว่า “ สนธิสู้ๆ สนธิสู้ๆ ” ก่อนจะเดินเข้าไปภายในห้องประชุม โดยใช้เวลาหารือประมาณ 30 นาที จากนั้นนายสนธิได้แถลงข่าว พร้อมกับอธิบายคู่กับ ภาพ ส.ค.ส. พระราชทาน พ.ศ. 2547 ของในหลวงรัชกาลที่9
นายสนธิ กล่าวว่า วันนี้ตนมาร้องเรียนกึ่งกล่าวหา ว่ารัฐบาลชุดนี้กำลังทำผิด เพราะว่าเอ็มโออยู่ 2544 นั้นมันเป็นเอ็มโอยูขายชาติ 20 ปีที่แล้วที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 ได้ทรง พระราชทาน ส.ค.ส.ให้ประชาชนคนไทยได้รับทราบ ท่านเขียนว่ามีระเบิดทั่วไปหมดเลย แต่มีประเทศไทยที่เดียวที่ไม่มี ที่สำคัญท่านบอกว่าความสามัคคีคือความสุขของประเทศชาติ จากนั้นนายสนธิได้ชี้ไปที่บริเวณพื้นที่ทางทะเล ภาคตะวันออก ซึ่งในแผนที่บน ส.ค.ส. พระราชทานนั้นว่างเปล่า พร้อมกับบอกว่า ที่ว่างเปล่าเพราะนี่คือพื้นที่ของประเทศไทย นี่คือแผนที่ที่พระองค์ท่านเขียนด้วยลายมือของพระองค์เอง
ก่อนที่นายสนธิจะนำเอาแผนที่ฉบับจริงขึ้นมาโชว์ และกล่าวว่า หากนำเอาสองแผนที่นี้มาประกบกันก็จะเห็นว่าตรงกันพอดี ลงตัวกันพอดี
จากนั้นนายสนธิได้อ่านพระบรมราชโองการ พ.ศ. 2516 ซึ่งเป็นประกาศราชกิจจานุเบกษา ประกาศกำหนดไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทย ก่อนกล่าวต่อว่า พระบรมราชโองการนั้นชัดเจน และมาจากประมุขของประเทศ ซึ่งก็เปรียบเหมือนกฎหมายเด็ดขาด ในการกำหนดพื้นที่ บริเวณอ่าวไทยของประเทศไทย คำถามมีอยู่ว่าเอ็มโอยู 2544 นั้น เกิดขึ้นมาได้อย่างไร โดยไม่คำนึงถึงพระบรมราชโองการ พ.ศ. 2516 แต่เกิดขึ้นมาขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีในตอนนั้น ไปจับมือกับนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา เพื่อเปิดโอกาสให้กัมพูชา ยอมรับ แผนที่ของกัมพูชา ที่ซี้ซั้วร่างขึ้นมาเอง เข้ามากินพื้นที่ของคนไทย และคนที่ร่าง เอ็มโอยู 44 ก็คือ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ที่ต้องการให้นายทักษิณผลักดัน ลงสมัครเป็นเลขาธิการสหประชาชาติในขณะนั้น
นายสนธิ กล่าวต่อว่า เมื่อนายทักษิณไม่เห็นพระบรมราชโองการ 2516 อยู่ในสายตา แต่ทำไม 31 สิงหาคม 2566 จึงยอมรับพระบรมราชโองการ พระราชทานอภัยลดโทษ ให้จาก8เหลือ1ปี อะไรที่เป็นพระบรมราชโองการที่ให้ประโยชน์ ต่อคุณ คุณก็เอาใช่ไหม แต่อะไรที่คุณไม่ได้ประโยชน์ก็ไม่เอา นี่คือความจริง ผมจึงกล้าพูดได้ว่าเอ็มโอยู 2544 คือเอ็มโอยูขายชาติ และประเทศไทยไม่เคยมีพื้นที่ทับซ้อน แต่เรามีนายกรัฐมนตรีทับซ้อน เพราะฉะนั้นแล้วเอ็มโอยู 2544 หากเป็นไปตามพระบรมราชโองการ 2516 นั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้
ผมให้เวลารัฐบาลชุดนี้ 15 วัน หลังจากนั้นจะมาติดตามผล และขั้นต่อไป ผมจะไปร้องเรียนต่อสภาผู้แทนราษฎร ผมจะส่งเอกสารให้สส.และสว. ทุกคนยืนยันสิทธิของประเทศไทย ว่าหากคนไหนลงมติเห็นชอบเอ็มโอยู 44 ก็ถือว่า ร่วมอยู่ในกระบวนการขายชาติเช่นเดียวกัน และถ้าความจริงหนึ่งเดียวปรากฏ ในอนาคตข้างหน้าก็จะต้องติดคุกติดตารางในฐานะขายชาติ หลังจากนั้นตนก็จะไปยื่นหนังสือร้องเรียนที่กระทรวงการต่างประเทศ ว่าหากไม่ร่างสัญญาใหม่เพื่อปกป้องอาณาเขตของไทย คุณก็คือข้าราชการขายชาติเช่นเดียวกัน
นายสนธิ ได้ประกาศถึงท่าทีในการลงถนน ว่าหากเราจะสู้กับรัฐบาลโจรก็ต้องทำอย่างรอบคอบ เหตุผลที่เราต้องมาร้องเรียน เราได้มีการกำหนดกรอบเวลาไว้แล้ว ถ้าไม่ทำจะเกิดอะไรขึ้น ตนอายุมากแล้ว ทำอะไรก็ต้องทำด้วยความระวัง สู้ครั้งนี้ถ้าถึงที่สุดแล้วต้องชนะลูกเดียว มีแกนนำเก่ามาบอกว่าตนไม่มีมวลชนแล้ว แต่มวลชนที่มาวันนี้ตนไม่ได้ระดม แต่มาด้วยใจ ถ้าถึงเวลาที่จะต้องมา ก็จะมากกว่า 1000 เท่า 10,000 เท่า ทำให้มวลชนตะโกนโหร้อง เป็นที่ถูกใจ
“มีนักการเมืองพรรคเพื่อไทยบอกว่า ถ้าไม่ตกลงผลประโยชน์ก็จะรบกันหรืออย่างไร ผมจึงบอกว่ามึงกินยาผิดหรือเปล่า กูไม่ได้ทะเลาะกับใคร กูถามว่าอันนี้เป็นของกูใช่มั้ย ถ้าเป็นของกูมึงมาเอาไปได้อย่างไร ถ้ามึงไม่ฟัง มึงจะมาเอาคืนก็ต้องเจอกัน” นายสนธิ กล่าว...
มีคนว่าตัวเองเป็นสารตั้งต้นของความวุ่นวาย ประเทศไม่เดินหน้า ต่อไปเพราะการประท้วงของตน จึงขอถามกลับว่าที่ตนออกมาประท้วงปี 2548 ตนประท้วงใคร ประท้วงเรื่องอะไร ใช้เวลา 18 ปีในการต่อสู้ เพื่อพิสูจน์ว่าความจริงมีเพียงหนึ่ง ให้ทักษิณสารภาพผิด ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ว่าได้คดโกงประเทศชาติไปอย่างไร ความจริงประวัติศาสตร์รอตั้ง 18 ปี
นายสนธิกล่าว ขอให้พี่น้องใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบร้อนร้อน เราจะทำเป็นขั้นเป็นตอน ทำจนกระทั่งสุดขั้นตอน สุดซอยแล้ว ถ้ายังไม่รู้เรื่อง ก็จะทะลุซอยเลย ถึงวันนั้นถ้าจำเป็น ก็ต้องออกมาแสดงพลัง พร้อมถามกับมวลชนว่าพร้อมหรือไม่พร้อม
“นายกอุ๊งอิ๊ง และ พรรคเพื่อไทย ผมและพวกผมและอีกเยอะในประเทศไทย ทำผิดตรงไหนที่เรารักชาติ ทำผิดตรงไหนที่เราไม่ยอมส่งต่อดินแดน ที่เป็นของเราสิทธิอาณาเขตของเรา ให้กับเขมรเพียงเพราะผู้นำเขมร และนายกทับซ้อนบางคน มีข้อตกลงกันว่าจะแบ่งผลประโยชน์ กัน 50 /50 เราผิดตรงไหน วันนี้เราได้แสดงพลังให้ฝ่ายตรงข้ามได้เห็นแล้ว อย่ามาทะลึ่งกับกู“ นายสนธิกล่าว
นายสนธิ ยังกล่าวถึงการจัดเวทีดีเบต ระหว่างตัวแทนรัฐบาลกับ กลุ่มของตัวเอง ซึ่งจะเป็นโทรทัศน์ช่องไหนก็ได้ จะใช้ NBT ที่คุณยึดมา หรือท็อปนิวส์ ที่คุณเป็นเจ้าของก็ได้ ได้ทั้งนั้นแต่ต้องเปิดเวทีสาธารณะให้กับประชาชน ให้รับทราบข้อเท็จจริง คุณมีด็อกเตอร์กี่คน จะเป็นด็อกเตอร์จากดาวอังคาร ก็เอามาให้หมด ของผมมีไม่เกินสองสามคน นำโดยนายปานเทพ ตนต้องการเปิดเวทีสาธารณะไม่ใช่ ให้ไปงุบงิบกันในสภา ด้วยเหตุนี้ตนจึงต้องไปร้องเรียนต่อประธานรัฐสภา
ด้าน นายปานเทพ กล่าวว่า หนังสือข้อร้องเรียนได้ลงรับเรียบร้อยแล้ว เท่ากับว่านายกฯรับทราบ ถ้าไม่ทำตาม ต้องมีขั้นตอนในการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป วันนี้มีพี่น้องประชาชนมาเข้าร่วมกันอย่างล้นหลาม ตนขอยืนยันว่าไหล่ทวีปเป็นพระราชโองการ ประกาศออก จะถูกยกเลิกได้ ต้องมีพระบรมราชโองการเป็นอย่างอื่น แต่ MOU 44 ทำให้การเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ เกินกว่าความเป็นจริงไปมากถึง 26,000 ไมล์ทะเล ทำให้เส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา มีสถานะรุกล้ำอำนาจอธิปไตยของไทย และการที่ลากเส้นมาประชิดเกาะกูดแบบนี้ ถือเป็นละเมิดประเทศไทย และต่อกฎหมายสากลทางทะเล
นายปานเทพ ยังกล่าวยืนยันว่า เราไม่ได้ต้องการสงคราม แต่พื้นที่ไทย-มาเลย์ เราตกลงกันได้ พื้นที่ไทย-เวียดนาม เราตกลงกันได้ เพราะต่างฝ่ายต่างยึดกฎหมายทะเลสากลไม่ใช่ขีดเส้นตามอำเภอใจ
สำหรับการยื่นหนังสือ มีความยาว 14 หน้า มี 7 ข้อเท็จจริง 6 ข้อเรียกร้อง เพื่อให้นายกรัฐมนตรี หยุดดำเนินการตาม MOU 2544 และ แถลงการณ์ร่วมระหว่าง นายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย กับ นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา JC 2544 เนื่องจากมองว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ฝ่าฝืนต่อพระบรมราชโองการในการประกาศทะเลอาณาเขตและเขตทะเลต่อเนื่องตลอดจนประกาศเส้นเขตไหล่ทวีป จึงถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญ 2560
โดยข้อเท็จจริงที่ 1. ประเทศไทยได้ลงนามหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส สมัยรัชกาลที่ 5 ที่ระบุชัดว่าเกาะกูดเป็นของสยาม
2. ต่อมาปี 2509 ได้มีการประกาศอำนาจอธิปไตย ออกไปจากอาณาเขตพื้นดินและน่านน้ำ เรียกว่าทะเลอาณาเขต และแผ่นดินใต้พื้นท้องทะเลของทะเลอาณาเขตผู้ใดและชาติใดจะละเมิดมิได้
3. เมื่อ อนุสัญญากรุงเจนีวามีผลบังคับใช้ ปี 2511 ถือเป็นยืนยันว่า บ้านน้ำภายในและทะเลอาณาเขต เป็นอำนาจอธิปไตยของประเทศไทย และ และ ยังได้กำหนดเขตต่อเนื่องขยายไปอีก 12 ไมล์ ทะเลต่อจากทะเล อาณาเขต
4. ปี 2516 มีพระราชโองการ กำหนดเขตไหล่ทวีปของประเทศไทย ประกาศิตอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย โดยได้แนบแผนที่ซึ่งลากเส้นเขตไหล่ทวีปจากหลักเขตที่ 73 ระหว่าง ระหว่างเกาะกูดของไทยกับเกาะกงของกัมพูชา โดยไม่มีพื้นที่อ้างสิทธิ์อธิปไตยจากประเทศอื่น และไม่มีการแบ่งปันการสำรวจแสวงหาผลประโยชน์ทางทะเลในอ่าวไทยให้กับประเทศอื่นด้วย
5. และใน MOU 2544 ไม่มีการแนบแผนที่ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้รับรู้โดยไม่ปฏิเสธเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชา ไหล่ทวีประหว่างไทยกัมพูชาที่มีขนาดใหญ่เกินจริง อันเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อกัมพูชาเกินกว่ามูลฐานบทบัญญัติของอนุสัญญากรุงเจนีวา
6. และนายสุรเกียรติเสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ลงนาม ยอมรับ MOU 44 มีสถานะเป็นสนธิสัญญา แต่อดีตหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทย ได้เขียนบทความแนะนำว่าฝ่ายไทยต้องรีบบอกเลิก MOU 2544 โดยเร็ว มิเช่นนั้น ฝ่ายไทยจะเสียเปรียบหากเป็นคดีขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
7. MOU 44 ประเทศไทย มีแต่เสียประโยชน์ฝ่ายเดียว เพราะไม่มีการเจรจาจะเป็นประการใด ประเทศไทย ก็จะต้องสูญเสียสิทธิ์อธิปไตยในพื้นที่ในการสำรวจและแสวง ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติไทยในอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย อย่างน้อย 16,000 ตารางกิโลเมตร
พร้อมกันนี้ทางกลุ่ม จึงมีข้อเรียบร้องขอให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ตาม MOU 2544 และ JC 2544 โดยทันที ตาม 6 ข้อร้องเรียน คือ
1. ให้นายกลักขณารัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่รักษาซึ่งเอกราชธิปไตยของประเทศไทย
2. ให้ส่ง MOU 2544 และ JC 2544 ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขาดหรือยังต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือไม่
3. หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัด หรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญให้ยกเลิกการเจรจา ตาม MOU 2544 และ JC 2544 เพื่อปฏิเสธเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาทันที
4. แต่ถ้าไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ก็ให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการเจรจากับกัมพูชาเพื่อยกเลิก MOU 2544 และ JC 2544 ทันทีเช่นกัน. และเจรจาใหม่ภายใต้การกำหนดขอบเขตเฉพาะพื้นที่พัฒนาร่วมบนพื้นฐานโดยใช้หลักการของเส้นมัธยะ ในการอ้างสิทธิ์ไหล่ทวีปทับซ้อนตามความจริงมูลฐานแห่งบทบัญญัติอนุสัญญาเจนีวา ส่งให้รัฐสภาเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบภายใน 30 วันนับจากการเจรจาเสร็จสิ้น
5. ให้ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมเทคนิค หรือ JTC ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย
6. ขอให้จัดเวทีดีเบต เพื่อแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้มีการจัดกำลังตำรวจควบคุมฝูงชน ไว้โดยรอบทำเนียบฯ ซึ่งเป็นไปตามมาตรการรักษาความปลอดภัย แต่ยังไม่มีการปิดการจราจรแต่อย่างใด
แท็กที่เกี่ยวข้อง ข่าวการเมือง ,สนธิลิ้มทองกุล ,อุ๊งอิ๊งแพทองธาร