ฝ่ายค้านติงหนัก 'อุ๊งอิ๊ง' บอกธปท.ขวางแก้วิกฤต 'อมรัตน์' เย้ยยิ่งพูดเยอะ คะแนนยิ่งฮวบ

สส.ฝ่ายค้าน ทั้งจากพรรคก้าวไกล และพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความไม่เห็นด้วยกับท่าทีของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่มีต่อผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย



นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี น.ส.เเพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงธนาคารแห่งประเทศไทย ในทำนองเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ในเวที 10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10 ของพรรคเพื่อไทยว่า การจัดงานดังกล่าว เป็นการจัดงานเพื่อแก้ตัว แก้ต่างให้ตัวเอง แต่การพูดบนเวที ในเรื่องที่ไม่ควรพูด ในฐานะหัวหน้าพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งทั่วโลกเขารู้ว่านโยบายทางการเงินนโยบายทางการคลัง ไม่มีการแทรกแซงกัน ที่ผ่านมาหลายคนอาจรู้ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี อาจไม่ค่อยชอบผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ครั้งนี้จึงยิ่งเป็นการตอกย้ำในเรื่องดังกล่าว การขึ้นพูดของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่รู้ว่าเป็นสคริปต์ที่เตรียมเอาไว้หรือไม่



ขณะที่ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีตสส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ในเรื่องเดียวกันว่า ความเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.เเพทองธาร ทั้งเดินสาย และแสดงทัศนคติ ออกมามากเท่าไร ประชาชนจะเป็นคนตัดสินเองในการเลือกตั้งครั้งหน้า อีกทั้งตนยังมอง ว่า น.ส.แพทองธาร ไม่ได้มีเสน่ห์ทางการเมืองเหมือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ดังนั้น ยิ่งพูดเยอะ พรรคก้าวไกลยิ่งเห็นว่า น.ส.แพทองธาร ยิ่งไม่ใช่คู่แข่งของพรรคก้าวไกล



เมื่อถามว่าแสดงว่าที่พรรคก้าวไกลไม่ค่อยวิจารณ์การเดินสายของนายทักษิณ และการพูดของน.ส.เเพทองธาร ไม่ใช่ว่าเพราะความสัมพันธ์เดิมใช่หรือไม่ นางอมรัตน์ ตอบว่า ใช่ พวกเราอยากให้พวกเขาเดินสายพูดไปเรื่อยๆ ทั้งหมดจะฟ้องตัวเอง



ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.จังหวัดสงขลา ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า การที่กฎหมายพยายามให้ความเป็นอิสระกับธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วและรัฐบาลควรภูมิใจที่มีกฎหมายลักษณะนี้เพราะเป็นเกราะคุ้มครองรัฐบาลไม่ให้มีข้อครหาในการดำเนินงาน



ส่วนการที่ น.ส.แพทองธาร คิดแบบนั้นเป็นการคิดแบบไม่เข้าใจบทบาทของตนเองในฐานะพรรคแกนนำของรัฐบาล เนื่องจากโดยหลักการแล้วการทำหน้าที่ของธนาคารกลางทั่วโลกที่ได้รับมอบหมายคือการควบคุมเสถียรภาพทางเศรษฐกิจหรือเงินเฟ้อ ซึ่งต้องรักษาความเป็นองค์กรอิสระให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้รัฐบาลเข้ามาแทรกแซงและกดดัน



อีกทั้งบทเรียนในอดีตที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าขาดความเป็นอิสระและได้รับแรงกดดันจากรัฐบาลช่วงหลังวิกฤตต้มยำกุ้ง จากความพยายามในการใช้หนี้ IMF ก่อนกำหนด แต่พอผู้ว่าการ ในสมัยนั้นไม่เห็นด้วยก็กดดันให้ออกจากตำแหน่งแล้วแต่งตั้งคนใหม่ที่สามารถตอบสนองความต้องการของนายทักษิณได้มาดำรงตำแหน่งแทน สิ่งนี้จึงไม่ควรเกิดขึ้นอีกในอนาคต