พศจ.ลพบุรี ยันทำตามขั้นตอน ตรวจสอบวัดพระบาทน้ำพุ เพิ่งรู้จากสื่อเจ้าหน้าที่มีส่วนถือครองที่ดินวัด

สำนักพุทธฯลพบุรี ยืนยันดำเนินงานตามขั้นตอน ตรวจสอบวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมถวายคำแนะนำ คกก.สอบข้อเท็จจริง มีแค่ข้อมูลจากสื่อเจ้าหน้าที่ของ พศจ.ลพบุรี ในช่วงของ ผอ.คนเก่า มีส่วนถือครองที่ดินของวัดด้วย

เมื่อวันที่ 13 ส.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งให้สำนักสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ สำนักพุทธศาสนาประจำจังหวัดลพบุรีพื้นที่รับผิดชอบ ที่ตั้งของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้น และจะดำเนินการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้กระจ่างโดยเร็วที่สุด และหากมีการตรวจสอบแล้วพบว่าเข้าข่ายกระทำความผิดจะดำเนินการตามระเบียบ และกรอบอำนาจที่ที่ทำได้ ขณะนี้ได้เร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในวงการพระสงฆ์ให้เกิดความกระจ่าง เพื่อเรียกความศรัทธาคืนให้กับประชาชน

ซึ่งต่อมานายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้ มอบหมายให้ ผอ.พศจ.ลพบุรี ประสานกับเจ้าคณะผู้ปกครอง เพื่อไปตรวจสอบเรื่องเงินบริจาคของทางวัดว่ามีการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในการรับบริจาคหรือไม่ เพราะเท่าที่ทราบ พบว่าวัดพระบาทน้ำพุมีการเปิดรับบริจาคในหลายช่องทางมาก

ด้านนายวีระ จำลอง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลพบุรี เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตรวจสอบวัดพระบาทน้ำพุ ต่อผู้บริหารระดับจังหวัดลพบุรี ว่าเนื่องจากวัดพระบาทน้ำพุเป็นวัดราษฎร์ในสังกัดมหานิกาย จะมีแนวทางตามกฎของมหาเถระสมาคม ตนเองได้นำกราบเรียนหารือพระธรรมวชิรสุนทร เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี รวมถึงเจ้าคณะอำเภอ ในเรื่องดังกล่าวแล้ว

ล่าสุด พระครูสุวัฒน์กิตติสาร เจ้าคณะตำบลเขาสามยอด ในฐานะผู้บังคับบัญชา ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว โดยมี พระครูสุวัฒน์กิตติสาร เป็นประธาน และ คณะสงฆ์ 5 รูปซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ตำบลเขาสามยอด เลขานุการเจ้าคณะตำบล เป็นกรรมการและเลขานุการ มีหน้าที่หาข้อเท็จจริงตามบันทึกข้อประเด็นที่เกี่ยวกับสถานภาพ สถานะของวัดพระบาทน้ำพุ การบริหารจัดการอาคารเสนาสนะ และการจัดการพื้นที่ รวมถึงการบริหารจัดการวัด มูลนิธิที่เกี่ยวข้อง การดำเนินงานด้านสงเคราะห์ทั้งภายในและภายนอก บัญชีรายรับ-รายจ่าย ตลอดจนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับหมอบี เช่นประวัติความเป็นมา ความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับการรับบริจาคของวัด ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมให้มีการสรุปรายงานไปยังเจ้าคณะจังหวัดภายในวันที่ 15 ส.ค.นี้

นายวีระ ยังกล่าวต่อว่า ในการหาข้อเท็จจริงของคณะสงฆ์ที่เป็นกรรมการสำนักพุทธศาสนาจังหวัดลพบุรี ก็มีหน้าที่สนองงานของคณะสงฆ์ และทำได้ตามกรอบอำนาจหน้าที่ หากแจ้งให้ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลพบุรี ร่วมสังเกตการณ์ ทางตนเองและเจ้าหน้าที่ทุกคนพร้อมที่จะถวายคำแนะนำ เพื่อให้ได้มาในข้อมูลในประเด็นที่สังคมตั้งคำถามซึ่งตอนนี้ทางเราพยายามถวายคำแนะนำคณะกรรมการ และคลายความสงสัยไปได้ 100 เปอร์เซ็นต์

ในส่วนประเด็นสำคัญเรื่องเงินรับบริจาคทรัพย์สินของวัด ซึ่งปกติ เราจะมีการถวายคำแนะนำในที่ประชุมคณะสงฆ์อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ตามมติมหาเถระสมาคม ไม่เฉพาะวัดพระบาทน้ำพุเท่านั้น แต่กรณีการนำเงินบริจาคไปจัดสร้างสนามฟุตบอลใจฟ้า และทรัพย์สินของวัดพระบาทน้ำพุ ต้องรอผลดำเนินการของกรรมการที่ตั้งไป ส่วนการเรี่ยไร ไม่น่าเป็นห่วงเพราะอยู่ในระเบียบการเรี่ยไรอยู่แล้ว แต่การได้มาซึ่งทรัพย์สิน ให้ท่านลงบัญชีรับจ่ายให้ถูกต้อง

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีมีข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่ของ พศจ.ลพบุรี ในช่วงของ ผอ.พศจ.คนเก่า เข้าไปมีส่วนถือครองที่ดินของวัดพระบาทน้ำพุด้วยนั้น มีการดำเนินการอย่างไร นายวีระ ตอบว่า เพิ่งทราบมาจากสื่ออย่างเดียว ยังไม่ได้ตรวจสอบ แต่หากพบก็จะดูว่าถือครองแบบไหน เป็นเจ้าของหรือเป็นผู้ที่รับโอน ต้องดูระเบียบอีกที แต่วันนี้ยังไม่มีรายงานจากทางวัด และยังไม่ได้พูดคุยกับ ผอ.พศจ.คนเก่าถึงเรื่องนี้เลย

เมื่อถามว่าการดำเนินงานครั้งนี้เป็นลักษณะวัวหายล้อมคอกหรือไม่ นั้น นายวีระ กล่าวว่า ไม่มีครับ เราทำงานเป็นปกติ ซึ่งครั้งนี้มารายงานให้ทางจังหวัดทราบถึงการดำเนินงาน ส่วนมีความหนักใจหรือไม่ต่อเรื่องนี้ คงไม่หนักใจเพราะเราทำตามกรอบหน้าที่ และต้องดูผลจากคณะกรรมการก่อนเพื่อที่เราจะได้ถวายคำแนะนำต่อไป

นอกจากนี้เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเห็นว่าจะมีการตั้งกรรมการมาสอบ ผอ.พศจ.ลพบุรี หนักใจหรือไม่ นายวีระตอบว่าไม่มีครับ เพราะ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ท่านได้ประสานมาอยู่แล้ว และเราทำหน้าที่ตามระบบจึงไม่หนักใจ ก่อนที่จะขึ้นไปรายงานการดำเนินการเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุ ต่อนายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ต่อไป