เลือกตั้งและการเมือง

อัยการเลื่อนสั่งคดี "ศรีสุวรรณ-เจ๋งดอกจิก" ตบทรัพย์อธิบดีกรมข้าว ไป 2 ต.ค. 67

โดย thanaporn_s

28 ส.ค. 2567

40 views

จากกรณีที่วันนี้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต นัดฟังคำสั่งคดีที่นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก และนายศรีสุวรรณ จรรยา กับพวกรวม 5 คน ตกเป็นผู้ต้องหาเรียกรับผลประโยชน์อธิบดีกรมการข้าว โดยได้นัดหมายในเวลา 9:00 ของวันนี้ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษกนั้น

ทีมข่าวอาชญากรรม ช่อง 3 ได้รับการเปิดเผยจากนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน  ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดว่า ได้รับแจ้งจากพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบคดีว่า คดีดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาสำนวนยังไม่แล้วเสร็จ เพราะมีบางข้อหาที่จะต้องดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม จึงทำให้ต้องเลื่อนการฟังคำสั่งว่าฟ้องหรือไม่ฟ้อง คดีดังกล่าวออกไปก่อน

แต่อย่างไรก็ตามในวันนี้ เจ๋ง ดอกจิกและนายศรีสุวรรณกับพวกรวม 5 คน ยังคงต้องเดินทางมาเซ็นรับทราบการนัดหมายของพนักงานอัยการในวันนี้ตามปกติ แล้วจะมีการพูดคุยตกลงกันอีกครั้งว่า จะนัดหมายให้มาฟังคำสั่งครั้งต่อไปเมื่อไหร่ ซึ่งคาดว่าน่าจะภายในเดือนกันยายน

ขณะที่ทีมข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยังนายศรีสุวรรณ โดยนายศรีสุวรรณระบุว่า วันนี้ตนจะเดินทางไปตามนัดหมายของพนักงานอัยการตามปกติเพื่อรับทราบนัด ซึ่งทางพนักงานอัยการได้นัดตนพร้อมกับพวกรวม 5 คนที่ถูกดำเนินคดีเดียวกันและรับทราบแล้วว่า วันนี้ทางพนักงานอัยการจะเลื่อนฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องออกไปก่อน

ต่อมานายศรีสุวรรณได้ลงมาสัมภาษณ์กับทีมข่าวอาชญากรรม ช่อง 3 โดยระบุว่า วันนี้ตนได้เดินทางมารายงานตัวตามที่ได้นัดหมายกับทางพนักงานอัยการ แต่เนื่องจากคดียังมีประเด็นที่อยู่ในระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม จึงทำให้ทางพนักงานอัยการยังทำสำนวนคดีไม่แล้วเสร็จ เลยเลื่อนการนัดฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องคดีนี้ออกไปเป็นวันที่ 2 ตุลาคม เวลา 9:30

โดยเท่าที่นายศรีสุวรรณรับทราบคือ ประเด็นที่ต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ ทางพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหาดำเนินคดีนายศรีสุวรรณพร้อมพวกรวม 6 ข้อหา แต่เมื่อส่งสำนวนมายังพนักงานอัยการ ทางพนักงานอัยการมีความเห็นว่า พฤติการณ์ในส่วนของนายศรีสุวรรณนั้นเข้าข่ายการทำความผิดเพียงแค่ข้อหาเดียว คือข้อหาสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่รัฐในการกระทำความผิด จึงมีความเห็นที่จะย้อนสำนวนส่งให้ทางพนักงานสอบสวนดำเนินการตั้งข้อหาคดีใหม่อีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม ตนไม่ทราบว่าผู้ต้องหาที่เหลืออีก 4 คนนั้น ถูกลดข้อหาเช่นเดียวกับตนหรือไม่

นายศรีสุวรรณเปิดเผยอีกว่า ตนไม่มีความหนักใจและพร้อมต่อสู้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะเนื่องจากข้อกล่าวหาที่เป็นต้นตอของคดีนั้น ก็เป็นเรื่องที่ตนรับร้องเรียนมาจากชาวบ้าน แต่สิ่งที่ตนทำนั้นอาจจะไปเหยียบตาปลาหรือเตะตัดขานักการเมืองหรือผู้มีอำนาจระดับสูง โดยเฉพาะเรื่องของการตรวจสอบอำนาจรัฐและงบประมาณแผ่นดิน

จนอาจจะทำให้นักการเมืองหรือผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องไม่พอใจในการกระทำของตน เลยจงใจที่ตัดเตะตัดขา เพื่อให้ตนสะดุดและไม่สามารถทำงานตรวจสอบนักการเมืองหรือผู้มีอำนาจได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น คดีนี้ตนมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสามารถอธิบายต่อสู้คดีในชั้นศาลได้

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า แล้วในส่วนของกระบวนการดำเนินคดีที่ผ่านมาหลายเดือน มีความกังวลหนักใจว่าอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ นายศรีสุวรรณกล่าวว่า ตนเข้าใจในกระบวนการการทำสำนวนคดี เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน จึงต้องใช้ระยะเวลาในการทำสำนวนคดี ส่วนที่ก่อนหน้านี้เคยให้ข่าวว่าจะทำเรื่องขอความเป็นธรรมกับพนักงานอัยการนั้น นายศรีสุวรรณเปิดเผยว่า ตนได้ทบทวนแล้วตัดสินใจว่า จะไม่ยื่นขอความเป็นธรรม เพราะต้องการให้คดีดำเนินการไปตามกระบวนการและไม่ต้องการประวิงเวลาทางคดี

ซึ่งอาจจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด เนื่องจากสุดท้าย คดีก็ต้องไปต่อสู้กันในชั้นศาล แต่ตนก็อยากให้คดีนี้จบโดยเร็ว เพื่อที่ตนจะได้ไปทำงานช่วยเหลือชาวบ้านในเรื่องความเดือดร้อนต่าง ๆ ซึ่งทุกวันนี้ประชาชนก็ยังคงร้องเรียนตน เป็นจำนวนมาก ตนอยากใช้เวลาในการช่วยเหลือประชาชนมากกว่ามาขึ้นโรงขึ้นศาลในคดีของตัวเอง

ผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมอีกว่า ที่ผ่านมาได้มีการพูดคุย หรือพบเจอกับผู้ต้องหารายอื่น ๆ ในคดีนี้หรือไม่ นายศรีสุวรรณระบุว่า ตนไม่ได้ติดต่อหรือพูดคุยใด ๆ กับใครเลย อีกทั้งในวันนี้ ตนก็ไม่ทราบว่า ทั้ง 4 คนที่เหลือนั้นได้เดินทางมาพบกับพนักงานอัยการแล้วหรือไม่ แต่คาดว่าน่าจะเดินทางมาตั้งแต่เช้าและกลับไปแล้ว

สำหรับ 6 ข้อหาที่นายศรีสุวรรณและเจ๋ง ดอกจิก พร้อมพวกรวม 5 คนถูกดำเนินคดีนั้น ได้แก่ ร่วมกันสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่รัฐละเว้นหรือปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งโดยทุจริตหรือใช้อำนาจในตำแหน่งดวงนี้ชอบ ร่วมกันสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐในการเรียกรับผลประโยชน์ ร่วมกันเรียกรับเพื่อตอบแทนการจูงใจเจ้าพนักงาน ร่วมกันข่มขืนใจให้ผู้อื่นยอมให้ผลประโยชน์ โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ และชื่อเสียง ร่วมกันข่มขืนใจให้ผู้อื่นยอมให้ผลประโยชน์ โดยขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับ และร่วมกันข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใดหรือไม่กระทำการใดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป

คุณอาจสนใจ

Related News