'เจ๋ง ดอกจิก-ศรีสุวรรณ' รอดนอนคุก ศาลอนุญาตให้ประกันตัวคนละ 600,000 บาท

กรณีศาลจึงพิพากษาจำคุก เจ๋ง ดอกจิก เป็นเวลา 6 ปี ส่วนนายศรีสุวรรณและพวก รวม 4 คน พิพากษาให้จำคุก 4 ปี ในคดีเรียกรับทรัพย์สินจากนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว  ต่อมาภายหลังจำเลยทั้ง 5 รายได้ยื่นหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราวจำนวน 6 แสนบาท และศาลได้อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยมีเงื่อนไขห้ามจำเลยทุกคนเดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล


นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก เปิดเผยภายหลังมีคำพิพากษาตัดสิน จำคุก 6 ปี โดยศาลได้อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นศาล บอกว่า ตนเองเคารพคำตัดสินของศาล ซึ่งประเด็นที่จะเป็นแนวทางการต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ คือ ประเด็นที่ศาลจะมองว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้ลงโทษลงโทษจำคุก 6 ปี แต่ตนเองมองว่า ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐเพราะการแต่งตั้งของนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ในตอนนั้นเป็นการแต่งตั้งเฉพาะตัว ซึ่งศาลยังไม่ได้ดูในรายละเอียด เพราะการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น เงินเดือน แต่ที่ผ่านมาไม่ได้เงินสักบาท แต่ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกกังวลใจกับคำตัดสินเพราะมองว่า ตนเองยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่


ขณะเดียวกันจะมีอีกประเด็นในการต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ คือประเด็นความเชื่อมโยงของจำเลยทั้งหมด โดยจะชี้แจงว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีความเชื่อมโยงกันกัยจำเลยที่เหลือ นื่องจากไม่เคยได้รับผลประโยชน์อะไรจากจำเลยทั้งหมด และเชื่อว่าคำตัดสินในศาลชั้นสูงจะให้ความยุติธรรมกับตัวเอง


นอกจากนี้ในคำพิพากษาได้นำโทษ คดีคาร์ม็อบ 2 คดี ในพื้นที่เมืองพัทยาและกรุงเทพมหานครเมื่อปี พ.ศ. 2564 ของตนที่สั่งจำคุก 4 เดือน รอลงอาญา มารวมกับการพิจารณาในครั้งนี้ด้วย ทำให้มียอดรวมจำคุก 6 ปี 4 เดือน


สำหรับหลักทรัพย์ในการยื่นประกันตัวได้ใช้โฉนดที่ดินในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี มูลค่า 600,000 บาท เบื้องต้นศาล อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวแต่มีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ


ด้านทนายความ ระบุว่า ส่วนตัวตั้งข้อสังเกตว่าศาลพิจารณาข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานของฝั่งผู้เสียหายและตำรวจ ซึ่งมองว่าเป็นการสรรหาพยานหลักฐานจากสิ่งที่ผู้เสียหายสร้างขึ้น โดยไม่ได้นำพยานหลักฐานของฝั่งจำเลยมาใช้ประกอบซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานที่ต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ต่อไป


ขณะที่ทางด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา นักร้องเรียน ให้สัมภาษณ์ระบุว่า แนวทางการต่อสู้คดีหลังจากนี้จะเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมายซึ่งตนเองไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไร แต่ก็รู้สึกผิดคาดเนื่องจากพยานหลักฐานที่ตำรวจนำมาใช้และปรากฏในสื่อมวลชนเป็นหลักฐานในฝ่ายตำรวจทั้งหมด  ส่วนข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและพยานหลักฐานในส่วนของตนเองและพวก ศาลไม่ได้นำมาเข้าสู่กระบวนการตามที่คาดหวังไว้ ทำให้หลังจากนี้จะนำหลักฐานดังกล่าวขึ้นสู่ชั้นอุทธรณ์

ซึ่งส่วนตัวยังเชื่อมั่นในข้อเท็จจริงที่ตนเองได้ยื่นให้ศาลพิจารณา และเชื่อว่าศาลอุทธรณ์จะให้ความเมตตาหลังได้ตรวจสอบพยานหลักฐานในฝั่งของตัวเองต่อไป

สำหรับหลักทรัพย์ในการยื่นขอประกันตัวศาล นายศรีสุวรรณ ไม่ได้ยื่นเพิ่ม เนื่องจาก หลักทรัพย์ที่เป็นที่ดินในกรุงเทพ ที่ยื่นไปในชั้นอัยการ มีมูลค่าสูง จึงใช้หลีกทรัพย์เดิมในการขอประกันตัว และในชั้นนี้ศาลมีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/9HuiECq20p0