ข่าวโซเชียล

หากินยาก ชาวสวนเบตง ปลูก ‘เงาะลิ้นจี่’ ส่งขายออนไลน์ รายได้ดี ดูแลง่าย ผลผลิตไม่พอขาย

โดย olan_l

30 ก.ค. 2567

140 views

วันนี้ (30 ก.ค.) ช่วงฤดูผลไม้ ในพื้นที่อ.เบตง จ.ยะลา มีผลผลิตของผลไม้หลากหลายชนิดและจำนวนมากออกสู่ท้องตลาดทำให้มีล้งมาเปิดรับซื้อผลไม้กว่า 30 ราย และมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและมาเลเซียเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว หาซื้อผลไม้รับประทานเป็นจำนวนมาก ผลไม้ก็มีทั้งทุเรียน มังคุด เงาะ ทำให้บรรยากาศในพื้นที่อ.เบตง ทั้งกลางวันกลางคืนก็คึกคัก กลางวันก็จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว กลางคืนตามล้งผลไม้ ก็จะมีพนักงาน ลูกจ้าง ของล้งผลไม้ นำผลไม้ขึ้นรถ เตรียมนำไปส่งตามสถานที่ต่างๆ

แต่ยังมีผลไม้อีกชนิดนึง ที่ผลผลิตออกในช่วงนี้เหมือนกัน แต่ตามท้องตลาดก็แทบหาซื้อไม่ได้ ตามล้งรับซื้อผลไม้ก็ไม่มี นั้นคือ เงาะลิ้นจี่ หรือ เงาะปูลาซัน ชาวสวนผลไม้ในอำเภอเบตง ปลูกกันน้อย ส่วนใหญ่จะปลูกทุเรียนมากกว่า เพราะคิดว่าได้ราคา กำไรดีกว่า

โดยน.ส.สุนีพร เหล่าวิวัฒน์เกษม หรือ คุณขวัญ ซึ่งมีสวนอยู่ที่บ้าน กม.9 หรือ บ้านมาลา ม.9 ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา มีความคิดที่ต่าง แปลกแหวกแนวออกไป จากชาวสวนคนอื่น จึงได้ปลูกเงาะลิ้นจี่ ซึ่งก็มีรายได้เฉลี่ยต่อปี จากการขายเงาะลิ้นจี่ หลักแสนบาทเช่นกัน แถมการลงทุน การดูแลเอาใจใส่ก็น้อยและง่ายกว่าการปลูกทุเรียนเป็นอย่างมาก

คุณขวัญ เล่าว่า สวนของตนปลูกพืชผักผลไม้หลายอย่างผสมผสาน มีทั้งทุเรียน มังคุด ลองกอง กล้วย และยางพารา บนเนื้อที่ประมาณ 60 ไร่ แต่ผลไม้ที่ปลูกมากสุด คือ เงาะลิ้นจี่ หรือ เงาะปูลาซัน ซึ่งมีประมาณ 120 ต้น บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ ซึ่งถือเป็นเจ้าแรกๆ และเป็นสวนที่ปลูกเงาะลิ้นจี่ มากที่สุดในอำเภอเบตง ก็ว่าได้ เดิมทีเริ่มแรก เมื่อประมาณกว่า 20 ปีที่แล้ว คุณพ่อ ได้นำต้นพันธุ์มาจากประเทศมาเลเซียมาปลูก 100 ต้น ปลูกประมาณ 3-4 ปี ก็มีผลผลิต จึงนำไปขายในตลาดเบตง และส่งตามแผงผลไม้ ทำให้เริ่มมีคนรู้จัก แต่ก็ไม่ค่อยมีชาวสวนนิยมปลูก เพราะส่วนใหญ่คิดว่าปลูกทุเรียนจะได้เงิน ได้กำไรมากกว่า หลังจากที่ตนเข้ามารับช่วงดูแลสวนต่อ ก็ได้มาทำการเพาะขยายพันธุ์ต้นกล้า และปลูกทดแทน ต้นที่ตายไป ซึ่งที่ตนไม่หันไปเน้นปลูก ผลไม้ อย่างทุเรียนเหมือนชาวสวนคนอื่น เพราะปลูกทุเรียนต้องดูแลเอาใจใส่มาก การลงทุนก็สูงกว่า

ขณะที่เงาะลิ้นจี่ ไม่ต้องดูแลเอาใจใส่มาก การดูแลก็ไม่ยาก ลงทุนก็น้อยกว่า ผลผลิตก็ออกปีละ 1 ครั้งเหมือนทุเรียน สามารถเริ่มเก็บเกี่ยวได้ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ปัจจุบันนี้ ตนขายเงาะลิ้นจี่ กิโลกรัมละ 130 บาท มีรายได้ต่อปีก็แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับผลผลิตว่าจะออกมากหรือน้อย รายได้มากสุดจากการจำหน่ายเงาะลิ้นจี่ ก็ประมาณ 500,000 กว่าบาท ต่อปี อย่างปีที่แล้วรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 300,000 กว่าบาท ซึ่งถือว่าต่ำที่สุด การขายส่วนใหญ่จะขายทางออนไลน์ จึงทำให้ในพื้นที่อำเภอเบตง ไม่มีเงาะลิ้นจี่ให้เห็นตามท้องตลาด คนในพื้นที่ส่วนใหญ่ที่ต้องการจะรับประทานเงาะลิ้นจี่ ก็จะรู้กันว่า ต้องโทรศัพท์มาสั่ง หรือมาซื้อที่สวนเลย ซึ่งทางสวนยังมีต้นพันธุ์จำหน่ายในราคา ต้นละ 450 บาท

สำหรับเงาะลิ้นจี่ ลูกมีขนาดเท่าเงาะ หรืออาจจะใหญ่กว่า ไม่มีขนเหมือนเงาะ มองดูคล้ายลิ้นจี่ยักษ์ มีรสชาติหอมหวาน เปลือกหนา เนื้อไม่ติดเมล็ด ส่วนใหญ่พื้นที่ปลูกอยู่ในประเทศมาเลเซีย ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อนำมาปลูกในพื้นที่อำเภอเบตง ซึ่งมีสภาพอากาศเย็นชื่น มีฝนตกชุก จึงทำให้รสชาติแตกต่างไป ซึ่งก็จะอร่อยไปอีกแบบ หรืออาจจะอร่อยกว่าด้วยซ้ำ ลูกสีแดงๆเขียวๆ จะมีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน ลูกที่สุขแดงเต็มที่ จะมีรสชาติหอมหวาน เงาะลิ้นจี่ ยังสามารถรับประทานเม็ดไปพร้อมกับเนื้อได้ ซึ่งจะมีความรู้สึกเหมือนเคี้ยวอัลมอนด์ไปด้วย ก็จะอร่อยไปอีกแบบ



คุณอาจสนใจ

Related News