118 ประเทศ ให้คำมั่น หนุนใช้พลังงานสะอาดเพิ่ม 3 เท่า และลดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ในปี 2030

ผู้นำและตัวแทนของ 118 ประเทศทั่วโลก ประกาศให้คำมั่นสัญญา จะสนับสนุนให้มีการใช้พลังงานสะอาดเพิ่มขึ้น 3 เท่า และลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลลง ภายในปี 2030

สุลต่าน อาห์เมด อัล-จาเบอร์ ประธานการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แห่งสหประชาชาติ หรือ COP28 ที่นครดูไบ ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ออกมาเปิดเผยว่า รัฐบาลของ 118 ประเทศ ได้เข้าร่วมให้คำมั่นสัญญา ที่จะสนับสนุนให้มีการใช้พลังงานสะอาดเพิ่มขึ้น 3 เท่า และลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลลง ภายในปี 2030 เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนซึ่งเป็นหนึ่ง ในสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน พร้อมยังเรียกร้องให้ อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซช่วยกัน ควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ที่ 1.5 องศาเซลเซียส ตามเป้าหมาย


ขณะที่ กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีของสหรัฐ ก็ได้แสดงความยินดีกับการสนับสนุนของบรรดาผู้นำโลก เธอยังเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ หยุดสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินด้วย ซึ่งในตอนนี้ ไม่ได้มีจำนวนที่ลดลงเลย


ส่วนเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวว่า สหภาพยุโรปพร้อมจะลงทุนเงินจำนวน 2.3 พันล้านยูโร หรือราว เพื่อช่วยให้ประเทศต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปสู่พลังงานทดแทน

ด้านนายกรัฐมนตรีของเซนต์คิตส์และเนวิส ประเทศแถบทะเลแคริบเบียน ขึ้นกล่าวในช่วงท้าย โดยเขาเรียกร้องให้ประเทศต่างๆช่วย บรรเทาความเสียหายที่เกิดจาก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไปยังหมู่เกาะต่างๆ ในมหาสมุทรแอตแลนติก พร้อมกับระบุว่า ประเทศของเราไม่ได้สร้างปัญหา แต่ประเทศของเรากำลังเดือนร้อนอย่างมาก สำหรับคำมั่นสัญญาในสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดเพิ่มขึ้น 3 เท่า ถูกกล่าวนำโดยสหภาพยุโรป, สหรัฐอเมริกา, และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตามมาด้วย จีนกับอินเดีย ก็ส่งสัญญาณสนับสนุนกับคำสัญญาดังกล่าว

ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า 2 ประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้แก่ สหรัฐและจีน ได้ประกาศมาตรการความร่วมมือใหม่ เพื่อจัดการกับการปล่อยก๊าซมีเทน