อาชญากรรม

ช่วยเด็ก 5 ขวบ ถูกแม่เสพยาทำร้าย ห่วงเด็ก 8 เดือนอีกคน แม่รับผิด ยอมเข้ากระบวนการบำบัด

โดย passamon_a

23 ก.ค. 2566

189 views

เมื่อวันที่ 22 ก.ค.66 นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งทีมสายไหมต้องรอด นำทีมพร้อมกับตำรวจ สน.คันนายาว และเจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. เข้าให้ความช่วยเหลือ น้องนูรีน เด็กหญิงวัย 5 ขวบ ในซอยพระยาสุเรนทร์ 30 แยก 9 เขตคันนายาว หลังเมื่อช่วงค่ำวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางทีมได้รับแจ้งจากพลเมืองดีและคุณยายว่า น้องถูกทำร้ายร่างกายจาก น.ส.ส้ม อายุ 24 ปี ผู้เป็นแม่ จนได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้า ลำตัว และหูด้านซ้ายฉีกขาด


โดยทันทีที่ทีมข่าวลงพื้นที่ พบว่าทางน้องได้มาพักอาศัยชั่วคราวอยู่กับยายและพลเมืองดี ในท้องที่ สน.คันนายาว โดยมีสภาพร่างกายบาดแผลฟกช้ำทั่วร่างกาย และมีอาการเหม่อลอย จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ พม. และทีมสายไหมต้องรอด ได้เข้าไปพูดคุยกับเด็กและยาย ก่อนจะพานำส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย


ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.ลัดดา อายุ 42 ปี พลเมืองดีในชุมชน ผู้แจ้งเหตุแม่ทุบตีเด็กหญิง 5 ขวบ ว่า น้องนูรีนถูกทำร้ายร่างกายจากแม่แท้ ๆ เป็นประจำ ก่อนหน้านี้เวลาเจอกัน น้องจะบอกประจำว่าถูกแม่ทำร้ายร่างกาย ทั้งทุบตี หัวโขกบ้าง ซึ่งตนสังเกตเห็นว่า ทุกครั้งที่เจอกันน้องจะมีรอยช้ำเขียวตามตัว ศีรษะบวม บางครั้งก็เห็นรอยเล็บใต้ตา


จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ลูกชายมาบอกตนว่า เห็นน้องนูรีนถูกทำร้ายร่างกาย อยู่ในสภาพรอยช้ำตามตัว ศีรษะแตก เมื่อตนได้พูดคุยกับยายของเด็ก ทางยายก็ขอให้ช่วยเหลือ แต่ตนทำอะไรไม่ได้ เลยประสานกับทีมสายไหมต้องรอดให้มาช่วยเหลือ


จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็รู้สึกตกใจ และคิดว่าทำไมแม่เด็กชอบทำร้ายร่างกายลูกในไส้ของตนเอง บางครั้งก็ถึงขั้นตบหัว เอาหัวโขกกำแพงก็มี ที่ผ่านมาตนยอมรับว่าไม่เคยได้คุยกับแม่เด็ก เพราะเขาเป็นคนที่ไม่รับฟังใคร ไม่ยอมรับความจริง ตนจึงไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวมากนัก ส่วนสาเหตุที่ทำร้ายร่างกาย ตนก็ไม่ทราบแน่ชัด แต่จากที่คุยกับน้อง น้องบอกว่า มักจะถูกทุบตีเวลาที่น้องเล่นกันเสียงดังจนแม่เด็กไม่พอใจ เพราะแม่เด็กเองติดนิสัยการนอน ไม่ชอบเสียงรบกวน


การกระทำในครั้งนี้ทำให้ตนรู้สึกกังวล เนื่องจากนางสาวส้มเองก็มี ลูกเล็กวัย 8 เดือน อีก 1 คน ซึ่งเด็กคนนี้ก็มีอาการโรคปอด เพราะถูกเลี้ยงดูอย่างปล่อยปละละเลย ไม่สนใจลูกปล่อยให้ร้องตลอดเวลา อีกทั้งน้องนูรีนเอง ตนก็รู้สึกสงสาร เพราะไม่ได้รับการเลี้ยงดูที่ดี ไม่ได้ส่งเสียเรียนหนังสือ ตัวพ่อแม่เองก็แยกกันอยู่ แม่เด็กไม่ประกอบอาชีพใด ๆ มีแต่พ่อเด็กที่ทำงานที่เชียงใหม่ส่งเงินมาให้ ตนรู้สึกสงสารเด็กคนนี้มาก เคยจะช่วยพาเข้าเรียน แต่ไม่ใช่ผู้ปกครองตามกฎหมายมจึงไม่มีสิทธิ


ส่วนเรื่องยาเสพติด ตนไม่มั่นใจว่าแม่เด็กเองมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบ พร้อมฝากถึงแม่เด็กเองว่า คุณไม่สงสารลูกตัวเองหรอ อุตส่าห์คลอดเขาออกมาแต่ก็ไม่ดูแลให้ดีเท่าที่ควร ทำร้ายร่างกายเด็กทำไม กลัวว่าเด็กโตไปจะเป็นเด็กที่เก็บกดจากการถูกทำร้ายร่างกายได้ อยากให้เขาอยู่ในความดูแลของ พม. และมีอนาคตที่ดีกว่านี้


ต่อมา ทางทีมสายไหมต้องรอด พร้อมตำรวจ สน.คันนายาว และเจ้าหน้าที่ พม. พาทีมข่าวไปตรวจห้องเช่าห้องหนึ่งที่เกิดเหตุ ซึ่งห่างจากบ้านของพลเมืองดีที่น้องหลบหนีมาอยู่ด้วยประมาณ 600 เมตร ในท้องที่ สน.บางชัน โดยทันทีที่เจ้าหน้าที่เข้าไปถึง ได้เชิญตัว น.ส.ส้ม แม่ของเด็ก วัย 24 ปี ออกมาพูดคุย ก่อนจะพบผ้าอ้อมเปื้อนเลือด ซึ่งคาดว่าเป็นเลือดของน้องนูรีน พร้อมกับอุปกรณ์ทำแผล


หลังจากนั้น ยายของเด็กได้นำตัว น.ส.ส้ม ไปพูดคุยกันภายในบ้าน ซึ่งจากการสังเกตของทีมข่าว เห็นว่า บรรยากาศการพูดคุยของทั้งสอง ต่างคนต่างร้องไห้ ก่อนที่ทางแม่เด็กพร้อมยายจะเดินออกมาจากบ้านเพื่อชี้แจงผ่านสื่อมวลชน


โดย น.ส.ส้ม ยอมรับผิดในสิ่งที่ทำลงไป โดยสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุได้เสพยา ก่อนจะลงมือทำร้ายร่างกายลูก ประกอบกับตนเกิดอารมณ์โมโหจากการที่น้องนูรีนไม่ช่วยดูแลน้องวัย 8 เดือนที่กำลังร้อง แต่น้องนูรีนกับหยิบโทรศัพท์มาเล่น ตนเลยคว้าโทรศัพท์มาเขวี้ยงใส่น้องนูรีน และมีการทุบตีกัน ส่วนบาดแผลที่หูนั้น ตนไม่ทราบว่าไปโดนอะไรมา แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นคนทำ


น.ส.ส้ม ยังรับอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนได้ตีลูกหลายครั้ง แต่ที่ทำไปเพราะอารมณ์โมโหและฤทธิ์ยาเสพติด อีกทั้งความเครียดที่ต้องดูแลลูกวัย 8 เดือนอีกคน ซึ่งหลังจากนี้ ตนสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แล้วจะยินยอมเข้าสู่กระบวนการบำบัด รวมทั้งกล่าวขอโทษต่อสังคม ตนรู้สึกสำนึกผิดหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเมื่อคืนวันเกิดเหตุหลังจากที่ลูกออกจากบ้าน ตนก็ยังติดต่อกับยายเด็กว่า ขอเอาลูกกลับมา ตนรู้สึกผิดไปแล้ว น.ส.ส้ม ยังขอโอกาสที่จะได้ดูแลลูกหลังจากนี้ แต่ทางมารดาของ น.ส.ส้ม ปฏิเสธ เพราะอ้างว่า น.ส.ส้ม ทุบตีลูกหลายครั้งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา


จากนั้นทางตำรวจ สน.คันนายาว ได้นำตัวแม่เด็กพร้อมยายไปส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สน.บางชัน ท้องที่เกิดเหตุ เพื่อรอการเข้าแจ้งความจากเจ้าหน้าที่ พม. และสอบปากคำต่อไป


ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ระบุว่า ทันทีที่ได้รับแจ้งความช่วยเหลือ จึงรีบประสานกับทางตำรวจและเจ้าหน้าที่ พม. ให้เข้าช่วยเหลือ เบื้องต้นได้รับแจ้งว่าทางเด็กถูกแม่แท้ ๆ ทุบตีและทำร้ายร่างกายเป็นประจำ จนมีบาดแผลและฟกช้ำตามร่างกาย หนักสุดคือเมื่อคืนวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา น้องถูกแม่ปาโทรศัพท์ใส่หัวจนปูดบวม และบิดหูข้างซ้ายจนมีบาดแผลฉีกขาด


นอกจากนี้ ตัวแม่เด็กเองมีพฤติกรรมเสพยาเสพติด ซึ่งสาเหตุที่ทำร้ายร่างกายลูกเกิดจากการเมาฤทธิ์ยา อีกทั้งตัวน้องเองก็ไม่ได้เรียนหนังสือ เนื่องจากถูกเลี้ยงดูแบบปล่อยปะละเลย ตนเลยประสานให้ทางเจ้าหน้าที่ พม. มานำตัวเด็กไปดูแลสงเคราะห์ตามกฎหมาย และอยากให้ทางตำรวจนำตัวแม่เด็กไปดำเนินคดี เนื่องจากทราบว่าตัวแม่เด็กเองมีลูกเล็กวัย 8 เดือนอีกคนหนึ่ง ซึ่งตนก็กังวลในเรื่องของความปลอดภัย และอยากให้อยู่ในการสงเคราะห์ของทาง พม.


อีกทั้งอยากให้ตำรวจ สน.บางชัน ซึ่งเป็นท้องที่ที่แม่เด็กพักอาศัยและทำร้ายร่างกายลูก นำตัวแม่เด็กไปตรวจสารเสพติด และตรวจสอบว่าแม่เด็กได้ยาเสพติดมาจากใคร รวมทั้งฝากกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่ด้วย


ด้าน คุณนภัสวรรณ แย้มเมือง เจ้าหน้าที่ พม. ระบุว่า จากการพูดคุยกับน้องนูรีน ตัวน้องเองก็พูดอย่างชัดเจนว่าถูกแม่ทำร้าย ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องพูดคุยกับเด็กเพื่อหาสาเหตุ และรายละเอียดของการทำร้ายร่างกาย เบื้องต้นทาง พม. จะรับตัวน้องนูรีนไปอยู่ภายใต้การคุ้มครองดูแลที่บ้านเด็กและครอบครัวกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งจะพาไปตรวจร่างกาย และสภาพจิตใจ รวมถึงประเมินการให้ความช่วยเหลือสงเคราะห์ด้านการศึกษาและที่พักอาศัย  


ซึ่งทาง น.ส.ส้ม แม่ของน้องนูรีน ได้ยินยอมให้ทางเจ้าหน้าที่รับตัวน้องนูรีนไปอยู่ภายใต้การดูแลของ พม. แล้ว ส่วนเด็กชายวัย 8 เดือน ลูกชายอีกคนของ น.ส.ส้ม เบื้องต้นทาง น.ส.ส้ม ยินยอมให้ทางยายของเด็กเป็นผู้ดูแลต่อไป


ขณะที่พนักงานสอบสวน สน.บางชัน เปิดเผยกับทีมข่าวช่อง 3 ว่า ตอนนี้ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหากับ น.ส.ส้ม เนื่องจากต้องรอผลการตรวจร่างกายของเด็กหญิงวัย 5 ขวบ จากโรงพยาบาลก่อน จึงจะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บได้ คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน เบื้องต้น น.ส.ส้ม รับสารภาพว่าทำร้ายร่างกายลูกจริง สาเหตุเนื่องมาจากเมายาเสพติดและความเครียดส่วนตัว


ส่วนเรื่องของยาเสพติดนั้น เบื้องต้นจากผลการตรวจหาสารเสพติดทางปัสสาวะ พบขึ้นสีม่วง มีสารเสพติดในร่างกาย ประกอบกับ น.ส.ส้ม ให้การยอมรับว่าตนเองเสพสารเสพติดจริง หลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะนำตัว น.ส.ส้ม ลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน และได้นัดหมายให้ น.ส.ส้ม มารายงานตัวกับพนักงานสอบสวนในวันจันทร์นี้ เพื่อนำตัวเข้าสู่กระบวนการบำบัดยาเสพติดต่อไป หากภายในวันจันทร์นี้ น.ส.ส้ม ไม่เข้ามารายงานตัวกับทางตำรวจ จะดำเนินการขออำนาจศาลออกหมายจับต่อไป


https://youtu.be/Hg4AhONOMbo

คุณอาจสนใจ

Related News