เลือกตั้งและการเมือง

'ก้าวไกล' ประกาศ 7 ข้อแก้วิกฤตฝุ่น ซัด รบ.ใจดำกับคนเหนือ - 'อนุทิน' ลั่นจะคุยเพื่อนบ้าน ถ้าเผาจะไม่รับซื้อข้าวโพด

โดย nattachat_c

10 เม.ย. 2566

89 views

วานนี้ (9 เม.ย. 66) เพจ พรรคก้าวไกล - Move Forward Party ได้โพสต์ข้อความระบุว่า


[ นี่คือ 7 ความเปลี่ยนแปลงจากรัฐบาลก้าวไกล แก้วิกฤติฝุ่น PM 2.5 เห็นผลทันที 1 มกราคม 2567 ] 


เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต (Think Forward Center) พรรคก้าวไกล กล่าวถึงมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่กำลังวิกฤติอยู่ในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดทางภาคเหนือ


หลายครั้ง ผู้กำหนดนโยบายมักกล่าวถึงแนวทางแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กในระยะยาว จนประชาชนไม่สามารถมองเห็นความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นได้ แต่ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กก็เวียนกลับมาหาพี่น้องประชาชนเป็นประจำทุกปี และหนักขึ้นในปี 2566 นี้


ดังนั้น เพื่อทำลายวงจรอุบาทว์นี้ พรรคก้าวไกล ขอประกาศความเปลี่ยนแปลง 7 ข้อ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 มกราคม 2567 (หรือวันเริ่มต้นฤดูที่อาจจะเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กรอบหน้า) หากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล


1. ประเทศไทยจะมี ร่างพระราชบัญญัติอากาศสะอาด และร่างพระราชบัญญัติการรายงานการปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม หรือ PRTR เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร อาจผ่านวาระ 1-2 แล้วหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความกระตือรือร้นของพรรคการเมืองอื่นๆ แต่พรรคก้าวไกลเราจะยื่นร่างกฏหมายนี้เข้าสู่สภาฯ ภายใน 1 เดือนแรกอย่างแน่นอน!


2. จะมีงบประมาณแก้ปัญหาไฟป่าลงสู่พื้นที่ระดับตำบล ตำบลละ 3 ล้านบาท เพื่อการป้องกันไฟป่า การจัดการเชื้อเพลิง การเตรียมทีมอาสา พร้อมทั้งสวัสดิการของทีมอาสา และการปรับระบบการเกษตรแบบไม่เผา พร้อมดำเนินการได้ทันที


3. รัฐบาลไทย จะประกาศใช้มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (หรือ GAP) เพื่อไม่ให้นำเข้าสินค้าเกษตรที่มีที่มาจากการเผาทุกประเภท เข้าสู่ประเทศไทย ทำลายวงจรธุรกิจการเผาเพื่อการเกษตร แบบเดียวกับมาตรการที่ประเทศสิงคโปร์ทำ


4. ประกาศทางเลือกให้พี่น้องเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพด อ้อย และข้าว

(1) สามารถนำเศษวัสดุเหลือใช้ เช่น ฟางข้าว ใบอ้อย ต้นข้าวโพด มาขายในราคา 1,000 บาท/ตัน โดยรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณผ่านผู้ประกอบการหรือผู้รวบรวมรับซื้อเศษวัสดุทางการเกษตร

(2) สามารถซื้อเครื่องจักรในการเก็บเกี่ยว (สำหรับผู้ปลูกอ้อย) และเตรียมดิน (สำหรับผู้ปลูกข้าวและข้าวโพด) โดยขอรับสินเชื่อที่ดอกเบี้ย 0% พร้อมการดูแลหลังการขาย โดยรัฐบาลมีหน้าที่เจรจากับธุรกิจเครื่องจักรทางการเกษตร และทำโครงการร่วมกัน(3) สามารถเปลี่ยนไปปลูกพืชอาหารอื่นๆ หรือไม้ยืนต้น โดยรับประกันผลตอบแทนที่ 500-1,000 บาท/เดือน


5. ฟรี! รถยนต์ทุกคันได้รับการตรวจสภาพรถยนต์และควันดำ โดยจะเปิดให้ตรวจสภาพรถยนต์ฟรีในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี (ตุลาคม-ธันวาคม 2566) จากนั้น รถทุกคันต้องติดสติ๊กเกอร์การตรวจสภาพรถที่เห็นได้ชัดเจน หากคันใดยังไม่ติด ต้องไปตรวจสภาพรถทันที เพื่อจบปัญหารถควันดำที่วิ่งทั่วประเทศไทย ซ้ำเติมปัญหา PM 2.5


6. ฟรี! เปิดตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง และโรคระบบทางเดินหายใจสำหรับประชาชนในภาคเหนือตอนบน พร้อมทั้งสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางสำหรับผู้เข้าตรวจ เพื่อให้มีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ในการติดตามเฝ้าระวังโรคในระยะยาว


7. เตรียมพื้นที่ปลอดภัยที่มีเครื่องกรองอากาศ โดยเฉพาะศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียน ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ห้องสมุดประชาชน ในทุกๆ อำเภอ โดยสนับสนุนงบประมาณผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงพยาบาล และโรงเรียน โดยตรง รวมถึงสนับสนุนให้ภาคเอกชนปรับให้พื้นที่ของตน เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับประชาชน เช่น co-working space โดยรัฐบาลจะสนับสนุนผ่านมาตรการลดหย่อนภาษี พร้อมกันนี้ รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณเพื่อแจกหน้ากากป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กฟรี หากมีฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน


ด้วยมาตรการทั้งหมด พรรคก้าวไกลเชื่อว่า ภายในปี 2567 จำนวนวันที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐานจะลดลง จากเฉลี่ยประมาณ 50 วัน/ปี (เฉลี่ยปี 2563-2566) ให้เหลือไม่เกิน 25 วัน/ปี และลดลงให้เหลือไม่เกิน 10 วัน/ปี ในปีถัดไป


นอกจากมาตรการระยะสั้น รัฐบาลก้าวไกลยืนยันว่าจำเป็นต้องมีมาตรการระยะยาว เพื่อจัดการไปที่ทุกต้นตอกำเนิดฝุ่น ไม่ว่าจะเป็น

  • การทำให้ผู้ประกอบการที่มีส่วนสร้างหมอกควันพิษ ต้องรับผิดชอบทั้งในทางอาญาและทางแพ่ง ประชาชนฟ้องร้องดำเนินคดีได้หากพิสูจน์ได้ว่าบริษัทใดรับซื้อหรือมีส่วนทั้งทางตรงและทางอ้อมกับการเผาที่ทำให้เกิดมลพิษลอยเข้ามาในประเทศไทย
  • การหารือแนวทางแก้ปัญหากับประเทศเพื่อนบ้าน
  • รถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัด ภายใน 7 ปี เพื่อสร้างการขนส่งที่สะอาด
  • ปลดระวางโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมด ภายในปี 2580


แน่นอนว่าถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล ปัญหาฝุ่น PM 2.5 คงไม่ได้หายไปในทันที แต่อย่างน้อยเราต้องมีมาตรการบางอย่างออกมาเพื่อลดผลกระทบของประชาชน และแก้ปัญหาให้ดีกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน

-------------

เพจ Nitipon Piwmow - นิติพล ผิวเหมาะ ดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความระบุว่า 


[ เดือด! รัฐบาลนิ่งเงียบปล่อยคนเหนือตายเพราะฝุ่นพิษ ]


สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM2.5 ในภาคเหนือขณะนี้หนักมากครับ หลายแห่งค่าฝุ่นขยับจากสีแดงมีผลกระทบต่อสุขภาพ เป็นสีม่วงคืออันตรายติดต่อกันหลายวัน แต่รัฐบาลยังนิ่งเงียบ แม้กระทั่งการประกาศเป็นภัยพิบัติก็ไม่เกิดขึ้น โบ้ยกันไปมาว่าเป็นอำนาจหน่วยงานนั้น หน่วยงานนี้เพื่อปัดภาระให้พ้นตัว การแก้ปัญหาก็ยังวน ๆ อยู่กับการฉีดน้ำพ่นน้ำซึ่งพวกท่านรู้ดีว่าแก้ไม่ได้


"สัปดาห์ที่ผ่านมารัฐมนตรีทุกคนนิ่งเงียบกันหมด คงทำกันแค่สวดมนต์ภาวนาทุกวันให้ฝนให้พายุมา แล้วฝุ่นจะหายคนจะได้เลิกด่า ผมคิดว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่ใจร้ายใจดำกับคนเหนือมากที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน"


ปัญหาฝุ่นควันภาคเหนือยิ่งตอกย้ำวาทะกรรมประเทศไทย คือกรุงเทพฯ เท่านั้น เชื่อว่ารัฐบาลจะมีปฏิกริยาทันที หากวันนี้ฝุ่นที่กรุงเทพฯ สูงแบบเชียงราย เชียงใหม่ตอนนี้ แต่พอไม่ใช่กรุงเทพฯ ถึงอยู่ในสถานการณ์มลพิษมาหลายเดือนแล้วก็ไม่ต้องใส่ใจ ยิ่งตอนนี้ฟ้าที่กรุงเทพฯ ใสแล้ว ท่านก็รู้สึกว่าไม่มีปัญหาอะไร ไม่ดำเนินการใด ๆ นี่ความไม่เท่ากันระหว่างกรุงเทพฯ กับจังหวัดต่าง ๆ ในสายตาของรัฐที่เกิดขึ้นจริง จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องกระจายอำนาจ ยุติรัฐราชการรวมศูนย์ เพราะอย่างน้อยเมื่อมีปัญหา บางอย่างเราสามารถจัดการแก้ไขสถานการณ์ให้ลดความรุนแรงลงได้ ขณะเดียวกันก็จะมีเสียงดังขึ้นเพื่อต่อรองกับอำนาจส่วนกลางได้มากขึ้น ไม่ใช่ถ้าส่วนกลางจะปล่อยให้คนเหนือเป็นมะเร็งปอดตาย เราก็ต้องรอวันตายไปวัน ๆ แบบนี้


"แต่ถ้ารัฐบาลปล่อยให้คนเชียงราย เชียงใหม่ตายเพราะฝุ่นได้ วันหนึ่งเขาก็ปล่อยให้เราทุกคนตายได้โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร เพราะสิ่งที่เขามองมีแค่การรักษาอำนาจ ไม่มีชีวิตคนอยู่ในนั้น ปัญหานี้ไม่ใช่แค่ ประยุทธ์ ประวิตร แต่คือพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดที่นั่งเป็น ครม. พรรคไหนบ้างจำเอาไว้ว่าเขาทำอะไรกับเรา ถ้ายังกาให้เขาอยู่ วันหนึ่งคนที่จะตายเพราะฝีมือพวกเขา อาจเป็นเราก็ได้"

--------------

วันที่ 9 เมษายน 2566 เพจ พรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์คลิปนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และคณะผู้บริหารพรรค ลงพื้นที่ปราศรัยช่วยนายแพทย์เอกภพ เพียรพิเศษ ผู้สมัคร เขต 1 เบอร์ 9 จังหวัดเชียงราย หาเสียง ย้ำเลือกพรรคภูมิใจไทย เบอร์ 7 เป็นรัฐบาล จะแก้ปัญหาฝุ่น จากประเทศเพื่อนบ้านที่มีการเผาป่า ก่ออากาศเป็นพิษให้พี่น้องชาวเชียงราย


โดยการปราศรัยครั้งนี้นายอนุทิน ได้ใช้ภาษากลางพูดสลับกับภาษากำเมืองภาคเหนือ สื่อสารกับประชาชน ช่วงหนึ่งพูดภาษากำเมืองว่า “พ่อแม่พี่น้องชาวอำเภอเจียงฮายที่ฮักขนาดของผมครับ ขอความกรุณพ่อแม่พี่น้องเลือกพรรคภูมิใจไทยของเฮา บ่ใจ่ของผม ของหมู่เฮาครับ พรรคภูมิใจไทยเป็นของหมู่เฮาชาวเจียงฮายทุกคน”


ทั้งนี้นายอนุทิน ยังปราศรัยระบุว่า ตนในฐานะรัฐมนตรีสาธารณะสุข ได้แจ้งให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ท่าน สสจ.เชียงราย ได้เตรียมตัวให้การดูแลเรื่องสุขภาพของพ่อแม่พี่น้องอย่างเต็มที่ มีปัญหาไปที่โรงพยาบาล ยาพร้อม เน้นโรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัดเชียงรายคอยดูแล พี่น้องประชาชนเลือกพรรคภูมิใจไทยกลับเข้ามาเป็นรัฐบาล เรื่องฝุ่นอย่างนี้ตนจะไปบอกประเทศเพื่อนบ้าน ที่เผาข้าวโพด เผาโน้นเผานี่ทำให้เราเดือดร้อน


“ถ้ามึงยังเผาอีก บ่ต้องขายสินค้ามาที่เมืองไทยแม้แต่ฝักเดียว ผมบ่หื้อข้าวโพดเหล่านี้ที่เกิดจากการเผาป่า เข้ามาในประเทศไทย” ต้องใช้ไม้แรง ต้องยอมรับว่าไม่ใช่ปัญหาของคนไทย คนไทยมีความรับผิดชอบ เผาก็เผาน้อย ๆ แต่ว่าที่เผาเยอะ ๆ เผาอยู่นอกเขตเมืองไทย  


ผมได้ให้คำสัญญาว่า เราจะต้องมีคนที่มีความเชี่ยวชาญ คนที่สามารถเจรจากับคนต่างชาติได้ ยังไงประเทศเพื่อนบ้านเขาพึ่งเรามากกว่าเราพึ่งเขา เขาต้องฟังเรา เพราะเราเป็นคนที่จะทำรายได้ให้เขา คนไทยที่ไปจ้างให้เขาเผาป่าแล้วไปปลูกเกตรกรรมต่าง ๆในต่างประเทศ ราคาถูก ๆ แล้วให้เขาเผาป่า ถ้าเป็นเช่นนั้น ไม่ต้องไปซื้อของมัน


นายอนุทิน ยังปราศรัยอีกว่า “พรรคภูมิใจไทยบ่ใจ่ทาสของพ่อค้า พรรคภูมิใจไทยเป็นทาสของพี่น้องหมู่เฮา ได้เข้าสภาก็เพราะพี่น้องหมู่เฮา บ่ใจ่เอาเงินพ่อค้าที่ไหน ทั้งหมดทั้งหลายเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้บ่ใจ่ฝีมือพวกผม พวกผมต้องรอพ่อแม่พี่น้องเชียงฮาย กา ในเขตนี้กาเบอร์ 9 หมอเอกภพ เพียรพิเศษ เบอร์พรรคใบที่สองกาเบอร์ 7 พรรคภูมิใจไทย แล้วพวกเราทุกคนจะรับใช้พ่อแม่พี่น้องชาวเจียงฮาย จนสุดความสามารถเท่าที่สมองมีอยู่ จนสุดชีวิต”

--------------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/5lNeu0Xjnkk

คุณอาจสนใจ

Related News