"ไผ่ ลิกค์" เผย สาเหตุที่ออกมาพูดเพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย "ดิว" - ซัปพอร์ตในฐานะพี่ชาย มีอีกหลายรูปที่ถ้าเห็นแทบเป็นลม

ไผ่ ลิกค์ เผยสาเหตุที่ออกมาเผยแพร่ภาพที่ดิว อริสราถูกทำร้าย เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย ยืนยันดิวไม่อยากให้ภาพเหล่านี้เผยแพร่สู่สาธารณะ เพราะห่วงเรื่องลูก พร้อมเผย ช่วงเวลาที่ดิวถูกทำร้าย ตนคอย ซัปพอร์ตและถ้าเขาร้องขออะไรมา ก็ทำให้ตามนั้น ในฐานะพี่ชาย



ไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคเศรษฐกิจไทย เปิดเผยกับทีมข่าว หลังออกรายการโหนกระแส เนื่องจากเมื่อวานนี้ ที่คุณดิว อริสราออกมาไลฟ์ชี้แจงว่าทำไมต้องเปิดโปง “มาเก๊า888” ก่อนที่คุณไผ่จะโพสต์ภาพบาดแผลของคุณดิว อริสรา และข้อความ



เรื่องนี้ ไผ่ บอกว่า ที่จริงดิว ไม่อยากเปิดเผยเรื่องที่ถูกฝ่ายชายทำร้ายร่างกาย แต่จุดเริ่มต้นที่ทำให้ตนต้องออกมาปกป้อง เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย อย่างเมื่อวานซืน และเมื่อวาน มีชาย 2 คน คนไปที่ร้านทำเล็บและถามหาดิว ซึ่งวันนี้รู้แล้วเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่วันแรกที่โพสต์ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร ตนก็เป็นห่วง และร้านนั้นก็มีหุ้นกันกับเพื่อนดาราหลายคน ก็ตกใจกันหมด ส่วนเรื่องอื่น ตนไม่อยากยุ่งตั้งแต่แรก แต่ตอนนี้เห็นว่าจำเป็นแล้ว



โดยภาพที่นำมาเปิดเผย ตนได้มานานแล้วจากดิว ที่ส่งมาให้ เนื่องจากดิวกลัวโดนฝ่ายชายลบภาพจากโทรศัพท์มือถือ เลยส่งมาฝากไว้ และตนก็ไม่เคยเอาให้ใคร และวันนี้ดิวก็ไม่ได้อยากจะให้เอาออกมาเผยแพร่สู่สาธารณะ แต่มันถึงเวลา เพราะมีกระแสจากเพจที่ออกมาตั้งคำถามว่าดิว ออกมาเปิดโปงทำไม ตนก็อยากบอกว่า วันนี้ให้ดูก่อน เก็บข้อมูลไว้ แล้วค่อยออกมาแฉกันทีหลังก็ได้ ถ้าเค้าผิดจริง



และย้อนกลับไป ตอนที่ดิวถูกทำร้าย มีการมาปรึกษาตนหรือไม่ คุณไผ่ตอบว่า คุณดิวเป็นคนสู้ ตอนเค้ามีความรัก เขาก็ไม่บอก จะเก็บไว้ จนวันหนึ่งที่หนักมากที่สุดแล้ว เค้าถึงจะมาค่อยๆ เล่า และตนก็เข้าไปในวันที่เขาตัดสินใจแล้วว่าต้องการอะไร โดยตนแค่เข้าไปซัปพอร์ตนิดหน่อย ในฐานะพี่ชายคนสนิท แม้แต่เดิมสถานภาพก่อนหน้านี้เป็นอย่างอื่น ทำให้ที่ผ่านมาบางครั้งตนก็ไม่เข้าไป ทุกวันนี้ บางทีก็ไม่กล้าโทรไป ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เพราะก็ต้องเคารพแฟนเขา อันนี้คือสิ่งที่ทำกันตลอด

ส่วนประเด็นว่าถูกทำร้ายอย่างไรบ้างนั้น ตนไม่ขอเล่ารายละเอียด แต่ดิวเคยเล่ารายละเอียดให้ตนฟัง ซึ่งตอนนี้ดิวห่วงเรื่องลูก ไม่อยากให้เรื่องนี้ลูกรับทราบ แต่ตอนนี้มันหนีไม่ได้จริงๆ เพราะโดนตั้งคำถามจากเพจบางเพจ




ที่ผ่านมา เวลาเกิดเรื่อง ตนไม่ได้ถึงกับเข้าไปเซฟใจดิว เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนี้ ให้รู้ว่า ตรงนี้ยังมีคนๆ หนึ่งอยู่ มีครอบครัวอยู่ เพราะวันที่โดนทำร้าย ตนก็ไปรับแม่ของดิวมาหาดิว เราทำตรงไหนได้ ก็ทำตรงนั้น




ส่วนประเด็นที่ว่า วันสุดท้ายที่คุณดิวไม่ไหว และเดินออกมา วันนั้นคุณไผ่เป็นคนเข้าไปช่วยเหลือหรือไม่ คุณไผ่ ตอบแต่เพียงว่า ตนคอยซัปพอร์ต ถ้าเขาร้องอะไรมา ก็ทำให้ตามนั้น ซึ่งจริงๆ เรื่องไม่ควรมาถึงตรงนี้ (การเปิดเรื่องโดนทำร้ายร่างกาย) ถ้ามันจบไปตั้งแต่สิ่งที่ดิวเปิดมา





สำหรับฝ่ายชาย ตนไม่มีอะไรจะคุย เพราะมองว่า คนที่ถ้าทำได้ขนาดนี้ ก็ไม่ต้องคุยแล้ว ไม่รู้จะคุยอะไร ที่ผ่านมาได้แต่คอยปราม เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก ซึ่งตอนนั้นก็มีการขู่ อย่างขู่ยิง ขู่อะไรแบบนี้ ถามว่ากลัวไหม ไม่มีใครกลัวหรอก บ้านเมืองมีขื่อมีแป แต่อยากให้หยุด ให้เข้าสู่กระบวนการที่ถูกต้อง ทุกอย่างมันก็จะจบ

สำหรับ 4 พี่น้อง บ. ตนรู้จักแค่บางคน แต่ยืนยันคำเดิมว่าตนไม่อยากยุ่ง แต่ถ้าตรงไหนมันรู้สึกหนักข้อเกินไป ก็ต้องทำ ตอนนี้คิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานได้ดี การขอหมายจับพวกเว็บพนันยากมาก วันนี้ทำได้ขนาดนี้ ถือว่าสุดยอด




ทั้งนี้ ตนเองเห็นดิวมาตั้งแต่เด็ก เป็นคนรับผิดชอบงาน เป็นคนเอาการเอางาน





จากเหตุการณ์ครั้ง การดำเนินการหลังจากนี้ ได้คุยกับหลายๆ คน ในส่วนของตัวเองที่เป็น ส.ส. จะมาดูว่ามีตรงไหนที่ไม่โอเค เช่นเรื่องที่ตำรวจเข้าไปที่ร้าน ตนคงไปยื่นเรื่องร้องเรียนให้เรียกมาสอบถามว่าเข้าไปทำไม ถ้าจะบอกไม่รู้เป็นร้านดิว ตนถามร้านอื่นก็ไม่เห็นเข้าไป ไม่เมกเซนส์ เพราะร้านอื่นไม่เห็นเข้าไป เมื่อถามว่าคนที่เข้าไปเป็นลูกน้องของรองผู้กำกับแห่งหนึ่งหรือไม่ คุณไผ่ตอบว่า ก็อาจเป็นไปได้ แต่ก็อย่าเพิ่งด่วนสรุป




ตนดูแลเรื่องแบบนี้อยู่แล้วในทุกมิติ และก็ผู้หญิงที่ถูกกระทำเคยมาร้องเรียน ก็ทำมาตลอด ถ้าไม่หยุดก็ต้องฟ้องผู้ใหญ่ เพื่อให้ถูกต้อง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ และเรื่องกฎหมายก็ต้องปรับปรุง เช่นเรื่องการคุ้มครองผู้หญิง หรืออะไรหลายอย่างที่การทำงานมันช้า





ขณะที่มีการถามว่า กังวลว่าพี่น้อง บ. ออกนอกประเทศ จะไปตามล่าดิวไหม ส่วนตัวมองว่าคงไม่ขนาดนั้น แต่พูดกับดิวแล้วว่าสิ่งที่ออกมาทำมีผลลัพธ์อะไรบ้าง และดิวรับทราบ ซึ่งวันนี้ออกมาขนาดนี้ ถ้าชัดเจนขนาดนี้ ถ้ายังไม่สำเร็จ ก็อยู่กันยากแล้ว

ทั้งนี้คุณไผ่ บอกว่ายังมีอีกหลายรูปที่เห็นแล้วจะเป็นลม พร้อมบอกว่า ทุกวันนี้ ถ้าสังเกตหน้ายังเบี้ยวอยู่ ซ้ายขวาไม่เท่ากัน