สังคม
‘ทนายเดชา’ ชี้ตำรวจไม่ควรทำตัวเหมือนทนาย แก้ต่างเสี่ยเบนท์ลีย์เจ็บหน้าอก เป่าแอลกอฮอล์ไม่ได้
โดย nicharee_m
11 ม.ค. 2566
81 views
ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ (ทนายคลายทุกข์) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ กับทีมข่าวถึงกรณีคดีที่รถยนต์หรูพุ่งชนรถบนทางด่วนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายลายและมีผลการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ออกมาอยู่ที่ไม่เกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ว่า
ในทางปฏิบัติของการดำเนินคดีพนักงานสอบสวนต้องทำการตรวจสอบวัดค่าปริมาณแอลกอฮอล์ในตัวผู้ขับขี่กรณีที่เกิดอุบัติเหตุทางจราจรและต้องสงสัยว่าอาจจะมึนเมาสุรา ในทันทีตั้งแต่จุดเกิดเหตุ ซึ่งในส่วนของผู้กระทำความผิดไม่สามารถปฏิเสธหรือเลือกว่าจะทำการตรวจแบบใด เพราะในทางกฎหมายถือเป็นผู้กระทำความผิด และหากปฏิเสธในการตรวจสอบเรื่องของการเป่าตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในจุดเกิดเหตุพนักงานสอบสวน ต้องสันนิษฐานว่า ขับรถขณะมึนเมาสุรา สามารถดำเนินการแจ้งข้อหามึนเมาขณะขับขี่ได้ทันที
การที่ทางตำรวจออกมาพูดว่าเป็นสิทธิ์ที่สามารถกระทำได้เหมือนเป็นการชี้โพรง ให้กระรอก ซึ่งต่อไปอาจจะทำให้มีผู้อ้างถึงกรณีดังกล่าวและทำตามอย่างมาก
ส่วนผลการตรวจเลือดที่พบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ไม่ถึง 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ส่วนตัวมีข้อมูลทางข้างว่าผลการตรวจอยู่ที่ 16 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ถือว่าไม่เข้าข่ายความผิดเพราะผู้ที่มีใบขับขี่ถาวรจะต้องมีปริมาณแอลกอฮอล์เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ถึงจะเข้าข่ายความผิดเมาแล้วขับ ส่วนผู้ที่มีใบขับขี่ชั่วคราวไม่เกินสองปี จะต้องมีปริมาณแอลกอฮอล์เกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ถึงจะเข้าข่ายความผิดมึนเมาขณะขับขี่ ซึ่งทั้งสองกรณีและผลการตรวจเลือดของทางตำรวจก็ถือว่าไม่เข้าข่ายทั้งสองเงื่อนไข
ส่วนการคำนวณย้อนหลังไปเพื่อหาปริมาณแอลกอฮอล์นะตอนขับขี่ในทางกฎหมายไม่สามารถใช้ได้เพราะเวลาพิสูจน์กันในชั้นศาลต้องใช้หลักฐานจากทางผู้เชี่ยวชาญเป็นเอกสารซึ่งคือผลที่มีการตรวจหน้าปัจจุบัน
นอกจากนี้ตนเองยังได้ข้อมูลมาจากพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ว่าในจุดเกิดเหตุไม่พบว่ามีพนักงานสอบสวนเดินทางมายังจุดเกิดเหตุรวมถึงเมื่อมาถึงทางสน.แล้วกลับพบว่ามีเพียงตำรวจชั้นประทวนเฝ้าอยู่ทาง สน.ไม่มีตำรวจชั้นสัญญาบัตรซึ่งต้องมาตรวจสอบว่าในวันเกิดเหตุในช่วงเวลาดังกล่าว พนักงานสอบสวนเจ้าของเวรได้ปฎิบัติหน้าที่อยู่ในสถานีหรือไม่ เพราะหากไม่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในสถานีหรือไม่มาเข้าเวรก็จะเข้าข่ายความผิดวินัยตำรวจ ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลและกองบังคับการตำรวจจราจรต้องตรวจสอบในประเด็นนี้และตอบคำถามสังคมให้ได้
ส่วนที่ก่อนหน้านี้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลมีการออกมาแถลงข่าวถึงกรณีดังกล่าวตนเอง อยากให้ตำรวจแถลงข่าวอย่างตรงไปตรงมาเป็นกลาง การที่ออกมาแถลงข่าวว่าผู้ขับขี่เจ็บหน้าอกไม่สามารถเป่าได้ เป็นสิ่งที่ไม่ควรพูดเพราะเหมือนทางท่านโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นทนายแก้ต่างให้กับทางผู้ขับขี่ ซึ่งทางตำรวจต้องระมัดระวังในจุดนี้
ส่วนกรณีที่ปรากฏคลิปว่าผู้ขับขี่ ขึ้นรถแท็กซี่ออกจากจุดเกิดเหตุ ในทางกฎหมายหากเกิดอุบัติเหตุคดีจราจรขึ้นผู้ที่เป็นผู้กระทำความผิดและผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต้องอยู่ในที่เกิดเหตุรอพบพนักงานสอบสวน โดยในส่วนของผู้กระทำความผิดต้องให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวเท่าที่ได้ข้อมูลมาไม่มีการช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และมีการนั่งรถแท็กซี่ออกจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งในทางข้อกฎหมายต้องสันนิษฐานว่า พยายามหลบหนี