วิกฤตชัตดาวน์สหรัฐฯ กระทบหนัก เจ้าหน้าที่หยุดงาน ทำเที่ยวบินป่วน-ดีเลย์หลายพันเครื่อง

ผลพวงจากภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ดำเนินมา 1 สัปดาห์แล้ว กำลังส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมการบิน เนื่องจากขาดแคลนเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศ (ATC) ทำให้เที่ยวบินในสนามบินสำคัญหลายแห่งทั่วประเทศล่าช้าต่อเนื่อง เที่ยวบินล่าช้าไปแล้วกว่า 7,000 เที่ยวบิน

สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐน (FAA) ระบุว่าปัญหาการขาดแคลนเจ้าหน้าที่กำลังส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินในสนามบินหลายแห่งทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นที่นวร์ก, เดนเวอร์, ลาสเวกัส และอีกหลายเมืองใหญ่

เว็บไซต์ติดตามเที่ยวบิน FlightAware เปิดเผยตัวเลขความเสียหาย โดยระบุว่าเพียง 2 วัน (จันทร์-อังคาร) มีเที่ยวบินล่าช้าไปแล้วกว่า 7,000 เที่ยวบิน โดยเฉพาะที่สนามบินชิคาโก โอแฮร์ และแนชวิลล์ ที่เที่ยวบินกว่า 20% ต้องประสบปัญหาล่าช้า สร้างความโกลาหลให้กับผู้โดยสารจำนวนมาก

ในขณะที่การเดินทางของประชาชนกำลังเป็นอัมพาต พรรคการเมืองทั้งสองฝ่ายต่างชี้นิ้วกล่าวโทษกันไปมา นางแคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวโทษว่าเป็นความผิดของพรรคเดโมแครตที่ทำให้การบินหยุดชะงัก ขณะที่นายเกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียจากพรรคเดโมแครต โต้กลับว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คือผู้ที่ต้องรับผิดชอบ

นอกจากปัญหาการชัตดาวน์แล้ว สภาพอากาศที่เลวร้ายในหลายพื้นที่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินทั่วประเทศ

ทั้งนี้ มีรายงานว่าตั้งแต่เกิดการชัตดาวน์ขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน เจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศราว 13,000 คน และเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยด้านการคมนาคมอีกประมาณ 50,000 คน ต้องมาทำงานแบบไม่ได้รับค่าจ้าง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่บางส่วนเริ่มลาป่วยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทำให้กำลังคนหายไปถึง 50%

ทั้งนี้ สหรัฐฯ เผชิญกับปัญหาการขาดแคลนเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศมานานกว่า 10 ปี ทำให้เจ้าหน้าที่ในปัจจุบันต้องทำงานล่วงเวลา และทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ โดยปัจจุบัน FAA ยังขาดแคลนเจ้าหน้าที่ในตำแหน่งนี้อีกประมาณ 3,500 คน