ต่างประเทศ

“ฮุน มาเนต” ฟ้องยูเอ็นอีก! กล่าวหาไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง-รุกไล่พลเรือนพ้นชายแดน

โดย nicharee_m

2 ชั่วโมงที่แล้ว

57 views

“ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชาส่งหนังสือฟ้องเรื่องสถานการณ์ชายแดนให้นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติรับทราบ พร้อมเตือนว่าสถานการณ์ดังกล่าวเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสันติภาพและเสถียรภาพระหว่างสองชาติและในภูมิภาคโดยรวม

ในจดหมายซึ่งลงวันที่ 17 กันยายน เขาได้แจ้งต่อนายกูเตอร์เรสว่า ตนได้มีหนังสือถึงนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนประจำปี 2568 เพื่อแจ้งให้ทราบถึงสถานการณ์ล่าสุดนี้แล้ว โดยย้ำว่าการหยุดยิงที่ตกลงกันเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย ได้ยุติการสู้รบขนาดใหญ่ ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ในพื้นที่จังหวัดพระวิหารและอุดรมีชัยทางตอนเหนือของกัมพูชา

อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องน่าเสียใจที่กิจกรรมทางทหารของไทยยังคงดำเนินต่อไป และขยายวงออกไปนอกพื้นที่ขัดแย้งเดิมอีกด้วย

ฮุน มาเนต อ้างว่า ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม กองกำลังของไทยได้ขยายเขตความขัดแย้งด้วยการติดตั้งลวดหนามและสิ่งกีดขวาง, ยื่นคำขาด และขับไล่พลเรือนชาวกัมพูชาออกจากที่ดินที่พวกเขาตั้งรกรากมานานในหมู่บ้านจกเจยและเปรยจัน จังหวัดบันเตียเมียนเจย โดยมีอย่างน้อย 25 ครอบครัวถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าบ้านเรือนและที่ดินของตน และเมื่อเร็วๆ นี้โฆษกกองทัพไทยได้ขู่ว่าจะมีการขับไล่เพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อหลายร้อยครัวเรือน

ฮุน มาเนต กล่าวว่า แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้แจ้งให้เขาทราบว่า กองทัพไทยมีเจตนาจะใช้กำลังยึดดินแดนในอีก 17 จุด ในจังหวัดต่างๆ ตั้งแต่โพธิสัตว์ไปจนถึงเกาะกง

เขาระบุว่าการกระทำของกองทัพไทยอ้างอิงแผนที่มาตราส่วน 1:50,000 ที่ไทยจัดทำขึ้นฝ่ายเดียว ซึ่งขัดต่อแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ซึ่งจัดทำขึ้นโดยคณะกรรมาธิการปักปันเขตแดนระหว่างอินโดจีนและสยาม ภายใต้อนุสัญญาปี พ.ศ.2447 และสนธิสัญญาปี พ.ศ.2450 ระหว่างฝรั่งเศสและสยาม

แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ได้รับการยอมรับจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) และได้รับการยืนยันอีกครั้งโดยกัมพูชาและไทย ในบันทึกความเข้าใจปี 2543 โดยประเทศไทยได้ลงนามใน MoU ฉบับนี้กับสหประชาชาติเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2544

นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ระบุว่า การกระทำของไทยถือเป็นความพยายามปักปันเขตแดนฝ่ายเดียวโดยใช้กำลัง ซึ่งเป็นการละเมิด MoU 2543, อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) และข้อตกลงที่ได้บันทึกไว้ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ครั้งล่าสุด

ตามความเห็นของฮุน มาเนต มาตรการเหล่านี้ รวมถึงการบังคับใช้กฎอัยการศึกของไทยนอกอาณาเขต ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของกัมพูชาที่ไม่อาจยอมรับได้ และเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน นอกจากนี้ การกระทำดังกล่าวยังไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง แต่ยังสร้างความเสี่ยงที่จะเกิดการเผชิญหน้าอย่างรุนแรงด้วย

ฮุน มาเนต ได้ร้องขอให้นายกรัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน ส่งเสียงเรียกร้องให้ไทยยึดมั่นต่อการหยุดยิง และข้อตกลงจากการประชุมต่างๆ เขาได้ขอให้ไทยยุติการกระทำฝ่ายเดียวที่อาจทำให้ความตึงเครียดบานปลายโดยทันที และให้ละเว้นการใช้กำลังต่อพลเรือนและทรัพย์สิน

เขายังเรียกร้องให้มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวาง เช่น ลวดหนามและแนวยางรถยนต์ ในพื้นที่ที่ชาวกัมพูชาอาศัยอยู่มานานหลายสิบปี และในพื้นที่ที่การปักปันเขตแดนยังไม่แล้วเสร็จ รวมถึงให้ยุติแผนการขับไล่โดยใช้กำลัง และอนุญาตให้ชาวกัมพูชาที่ถูกขับไล่ได้กลับคืนสู่บ้านและที่ดินของตน

นายกรัฐมนตรีกัมพูชายังเรียกร้องให้ยุติการใช้กำลังทหารเพื่อดำเนินการปักปันเขตแดนฝ่ายเดียว และปล่อยให้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ดำเนินงานต่อไปอย่างสันติ

นอกจากนี้ ฮุน มาเนต ยังเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวและส่งคืนทหารกัมพูชาที่ถูกจับกุม 18 นาย ซึ่งยังคงถูกฝ่ายไทยควบคุมตัว โดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข

แท็กที่เกี่ยวข้อง  ฮุน มาเนต ,ชายแดนไทยกัมพูชา

คุณอาจสนใจ

Related News