ไต้ฝุ่น 'คัลแมกี' ขึ้นฝั่งเวียดนาม ลมแรง 183 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำฝนตกหนัก พัดเข้าสู่ลาวแล้ว

ไต้ฝุ่น “คัลแมกี” พัดขึ้นฝั่งเวียดนามตอนกลางแล้ว เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ทางตอนเหนือของจังหวัดยาลาย เวียดนามตอนกลาง พัดกระหน่ำพื้นที่ด้วยลมกระโชกแรงมาก และเกิดฝนตกหนัก   มีรายงานชาวประมง 3 รายสูญหายหลังจากเรือของพวกเขาถูกคลื่นลมแรงพัดหายไปบนเกาะลีเซิน ซึ่งเป็นเกาะในจังหวัดกว๋างหงาย   โดยสื่อของรัฐรายงานว่า ได้มีการเริ่มปฏิบัติการค้นหาแล้ว แต่ต่อมาถูกระงับเนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้ายลง

พายุไต้ฝุ่นคัลแมกี ซึ่งเป็นพายุที่มีความรุนแรงผิดปกติในภูมิภาคนี้ มีความเร็วลมต่อเนื่องประมาณ 183 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (114 ไมล์ต่อชั่วโมง) และมีลมกระโชกแรงถึง 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (137 ไมล์ต่อชั่วโมง) เหนือทะเลจีนใต้ ขณะที่พายุพัดเข้าใกล้เวียดนาม

อิทธิพลของพายุทำให้เกิดคลื่นสูงถึง 3 เมตร (10 ฟุต) ซัดถล่มชายฝั่งในเมืองชายฝั่งอย่างดานัง และลมแรงพัดต้นไม้ล้มระเนระนาดในจังหวัด "ดั๊กลัก"  นอกจากนั้น บ้านเรือนประชาชนจำนวนมาก ในเมืองกวีเญิน ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งเช่นกัน ไม่มีไฟฟ้าใช้เป็นเวลาหลายชั่วโมง รายงานระบุว่าฝนได้ตกอย่างหนักตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา

คาดการณ์ว่ากัลแมกีจะมีฝนตกมากกว่า 600 มิลลิเมตร (24 นิ้ว) ในบางพื้นที่ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เวียดนามระบุว่า ประชาชนมากกว่า 537,000 คนต้องอพยพออกจาก 5 จังหวัดแล้ว ได้แก่ เว้ ดานัง และดั๊กลัก เนื่องจากระดับน้ำท่วมสูงขึ้นและดินถล่ม

ตามข้อมูลของเวปไซต์ ซูมเอิร์ธhttps://zoom.earth/storms/kalmaegi-2025/ ซึ่งติดตามพายุแบบเรียลไทม์ เมื่อเวลา 05.00 น. ในไทยพบว่าศูนย์กลางพายุได้พัดผ่านเวียดนาม ไปในทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เข้าสู่ประเทศลาว บริเวณเมืองอัตตะปือ ใกล้ชายแดนกัมพูชา  

อย่างไรก็ตาม คาดว่าพายุจะลดกำลังลงอย่างรวดเร็วเมื่อเคลื่อนตัวเข้าสู่ลาวตอนในมากขึ้น โดย จะลดกำลังลงเรือ 85 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในช่วงเช้าวันนี้ ประมาณ 07.00 น.  โดยเส้นทางของพายุจะพาดผ่านมายังจังหวัดอุบลราชธานี  ร้อยเอ็ด และยโสธร

ทั้งนี้ เวียดนามซึ่งเผชิญกับพายุไต้ฝุ่นและพายุประมาณสิบกว่าลูกต่อปี ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากพายุต่อเนื่องในปีนี้ ทำให้มีเวลาฟื้นตัวน้อยมากหลังจากเกิดภัยพิบัติ โดยก่อนหน้านี้ พายุไต้ฝุ่นรากาซาทำให้เกิดฝนตกหนักในช่วงปลายเดือนกันยายน ต่อมาพายุไต้ฝุ่นบัวลอยก็พัดถล่มชายฝั่งตอนกลาง และพายุไต้ฝุ่นมัตโมทำให้เกิดน้ำท่วมทางตอนเหนือ ซึ่งพายุทั้งสามลูกรวมกันทำให้มีผู้เสียชีวิตหรือสูญหายมากกว่า 85 รายภายในสองสัปดาห์ และสร้างความเสียหายมูลค่าประมาณ 1.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่เสี่ยงต่อน้ำท่วมมากที่สุดในโลก โดยประชากรเกือบครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยสูง ขณะที่ นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าสภาพภูมิอากาศที่ร้อนขึ้นกำลังทำให้พายุและฝนตกหนักทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้น้ำท่วมเช่นนี้รุนแรงขึ้นและเกิดขึ้นบ่อยครั้งมากขึ้น

https://youtu.be/gr8D_NCAygU