พรรครัฐบาลญี่ปุ่นส่อแววแพ้ยับ ในรอบ 15 ปี หลังครองเสียงข้างมากในสภาเอาไว้ไม่ได้

พรรคแกนนำรัฐบาลญี่ปุ่นที่ถูกกระทบหนักทั้งจากกรณีอื้อฉาวและภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ไม่สามารถคว้าที่นั่งได้เพียงพอที่จะครองเสียงข้างมากในสภาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2009 โดยจากผลการนับคะแนนซึ่งเสร็จสิ้นไปได้ 90% ของเขตเลือกตั้งทั้งหมดแล้ว ปรากฏว่า พรรคพันธมิตรรัฐบาลซึ่งก็คือ พรรคแอลดีพี และโคเมอิโตะ ได้ที่นั่งเพียงแค่ 192 ที่ จากจำนวนทั้งหมด 465 ที่นั่งของสภาล่าง เป็นอันชัดเจนว่า จะได้เสียงไม่ถึงครึ่งหนึ่ง ซึ่งก็คือต้องได้อย่างน้อย 233 ที่นั่ง ส่วนพรรคฝ่ายค้านใหญ่ที่สุด 'ซีดีพีเจ' ได้ไว้แล้ว 135 ที่นั่ง พุ่งพรวดขึ้นจากคราวก่อนที่ได้เพียง 98 ที่นั่ง

เอ็กซิตโพลที่ประกาศออกมา แสดงให้เห็นว่า พรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของ นายกรัฐมนตรี ชิเงรุ อิชิบะ ซึ่งเป็นแกนนำปกครองญี่ปุ่นมาแทบตลอดระยะเวลาภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง รวมกับพรรคโคเมอิโตะ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่มีขนาดเล็กกว่ามากเข้าไปด้วยไม่สามารคครองเสียงข้างมากเอาไว้ได้  โดยก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี อิชิบะ ได้ปรากฏตัวยอมรับด้วยสีหน้าเคร่งขรึมกับสื่อทีวีโตเกียว ว่า “การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นเรื่องหนักหนาสาหัสมากสำหรับเรา”

เขาบอกด้วยว่า จะรอไปจนกระทั่งทราบผลเลือกตั้งในขั้นสุดท้าย ซึ่งน่าจะออกมาในวันนี้ จากนั้น จึงจะพิจารณาเรื่องจะดึงพรรคใดอีกเข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาลผสม หรือจะทำข้อตกลงแบ่งปันอำนาจกับพรรคอื่น ๆ อย่างไรต่อไป

ก่อนหน้าการเลือกตั้ง โพลหลายสำนักชี้ว่า ทั้งแอลดีพี และโคเมอิโตะที่เป็นพันธมิตรกันมานาน จะถูกผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงโทษ จากการที่ประชาชนไม่พอใจกรณีอื้อฉาวของรัฐบาลเรื่องเงินทุนการเมืองของพรรค รวมไปถึงปัญหาค่าครองชีพพุ่ง ภาวะเงินเฟ้อพุ่ง และความสัมพันธ์กับจีน ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนบ้านคู่แข่งขัน และคู่ค้าสำคัญ ก็ตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ

โดย ผลสำรวจของสถานีเอ็นเอชเค พบว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเกือบ 40% ระบุว่า ข้อกังวลสำคัญที่สุดคือ เศรษฐกิจ และค่าครองชีพ ขณะที่ 28% อยากให้ลดภาษี และ 21% หวังว่า ค่าแรงจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง