กูรูชี้ 'โลกร้อน' ทำให้พายุหมุนเขตร้อนมี 'ความรุนแรง-ฝนตกหนัก-คลื่นพายุซัดฝั่ง' มากขึ้น

นาเดีย บลูเมนดาล นักวิจัยจาก มหาวิทยาลัย วรีจ อัมสเตอร์ดัม (Vrije Amsterdam) นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศ ใหัสัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ของพายุหมุนเขตร้อนที่รุนแรงมาก เช่น 'ไต้ฝุ่นยางิ' นั้น มีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปเกือบ 200 ราย ในเวียดนาม และยังส่งผลกระทบรุนแรงทั้งในจีน สปป.ลาว เมียนมา และไทย

นาเดีย กล่าวว่า "มีฉันทามติทางวิทยาศาสตร์โดยทั่วไปว่า พายุหมุนเขตร้อนมีความรุนแรงมากขึ้น มีฝนตกหนักขึ้น และมีคลื่นพายุซัดฝั่งมากขึ้น"

เธอ ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่า พายุหมุนเขตร้อนกำลังมีความรุนแรงมากขึ้น มีฝนตกหนักขึ้น มีคลื่นพายุซัดฝั่งกำลังเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากพายุหมุนที่มีความรุนแรงมากขึ้น และระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น

ทั้งนี้ อุณหภูมิผิวน้ำทะเลในภูมิภาคนี้ยังคงสูง ซึ่งส่งผลต่อความรุนแรงของพายุ ซึ่งโลกจะร้อนขึ้นมาก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยในช่วง 40 ปี ที่ผ่านมา มหาสมุทรได้ดูดซับความร้อนที่เกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่กักเก็บความร้อนได้ประมาณ 90% ซึ่งความร้อนจากมหาสมุทรส่วนใหญ่อยู่ใกล้ผิวน้ำ ความร้อนที่เพิ่มขึ้นนี้ สามารถกระตุ้นให้พายุรุนแรงขึ้น และทำให้เกิดลมแรงขึ้น พายุ เช่น 'พายุยางิ' ก็ทำให้ฝนตกหนักมากขึ้นเช่นกัน

เธอ กล่าวด้วยว่า ปริมาณน้ำฝนที่คุณเห็นในพายุยางินั้นเกิน 400 มิลลิเมตร มีโอกาสสูงที่เราจะเห็นปริมาณน้ำฝนดังกล่าวบ่อยขึ้นในอนาคต" ซึ่งพายุไต้ฝุ่นยางิเป็นพายุที่มีพลังมากที่สุดในเอเชียในปีนี้ นอกจากนี้ ภูมิภาคนี้ ยังได้รับผลกระทบจากพายุอื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น ไต้ฝุ่นแกมี ไต้ฝุ่นชานชาน

ทั้งนี้ โลกมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นแล้ว 1.3 องศาเซลเซียส เหนือค่าเฉลี่ยก่อนยุคอุตสาหกรรม ซึ่งการเผาไหม้ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซ เป็นตัวการหลักของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ