WMO เตือน “โลกร้อน” จะทำให้ฝนตกหนักรุนแรงกลายเป็นเรื่องปกติ

WMO เตือน “โลกร้อน” จะทำให้ฝนตกหนักรุนแรงกลายเป็นเรื่องปกติ เหมือนกับที่เกิดขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้-เอเชียใต้ เพราะชั้นบรรยากาศที่อุ่นขึ้นทำให้กักเก็บความชื้นได้มากขึ้น

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) เตือนอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นกำลังทำให้ฝนตกหนักรุนแรง เหมือนกับที่เกิดขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งคร่าชีวิตของผู้คนไปแล้วกว่า 1,300 ราย กลายเป็นเรื่องปกติ

แคลร์ นัลลิส (Clare Nullis) โฆษกของ WMO กล่าวแถลงต่อผู้สื่อที่นครเจนีวา เมื่อวานนี้ (2 ธ.ค. 2568) ว่าฝนที่ตกลงมาอย่างหนักหน่วงได้ก่อให้เกิดอุทกภัยระดับหายนะในหลายประเทศส่งผลให้ประชาชนต้องหนีตาย

เธอกล่าวเสริมว่า หน่วยงานอุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยาแห่งชาติกำลังทำงานตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อพยากรณ์อากาศและแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า ขณะที่กลไกการประสานงานของ WMO ก็กำลังให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติและสภาพภูมิอากาศแก่เจ้าหน้าที่กู้ภัยและหน่วยงานด้านมนุษยธรรม

อย่างไรก็ดี อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา ไทย และเวียดนาม เป็นกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยต้องเผชิญกับทั้งฝนที่เกิดจากมรสุมและอิทธิพลของพายุหมุนเขตร้อนประกอบกัน

WMO ย้ำว่า อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นกำลังทวีความเสี่ยงของการเกิดฝนตกหนักแบบสุดขั้ว เพราะชั้นบรรยากาศที่อุ่นขึ้นสามารถกักเก็บความชื้นได้มากขึ้น

นัลลิสยังอ้างถึงคำกล่าวของ เซเลสเต เซาโล เลขาธิการ WMO ที่ระบุว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต้องเผชิญกับพายุหมุนเขตร้อนที่รุนแรงและบ่อยครั้งที่สุดในโลก

เธอกล่าวว่า “ปริมาณน้ำฝนที่สูงทำลายสถิติ คลื่นพายุซัดฝั่ง และน้ำท่วม ได้ทำให้ประชาชนหลายล้านคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย และสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์” พร้อมย้ำว่า “ไม่มีสถาบันหรือประเทศใดที่จะสามารถรับมือกับความท้าทายจากสภาพภูมิอากาศแบบสุดขั้วได้เพียงลำพัง”

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายประเทศในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และศรีลังกา ต่างเผชิญกับฝนที่ตกหนักและลมกระโชกแรง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมสูงและดินถล่ม ล่าสุด ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นถึง 1,379 ราย