'ทรัมป์' หาเสียงที่นิวยอร์ก ชูนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" ทำวิจารณ์ยับ หลังผู้สนับสนุนพูดเหยียดเชื้อชาติ

อีกแค่ 8 วันเท่านั้นก็จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ล่าสุด เมื่อวานนี้ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันเดินทางไปหาเสียงที่นิวยอร์กพร้อมชูนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" อย่างไรก็ดี งานนี้ถูกวิจารณ์อย่างหนัก เพราะผู้สนับสนุนหลายคนใช้คำพูดเหยียดเชื้อชาติ และคำหยาบคาย


เมื่อวานนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเวทีหาเสียงที่เมดิสันสแควร์การ์เดนในนิวยอร์ก พร้อมหยิบยกนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน (American first)" มาหาเสียง และยังให้คำมั่นสัญญาว่า "จะนำความฝันแบบอเมริกันกลับคืนมาให้กับประชาชน"


นอกจากนี้ ทรัมป์ยังบอกว่าหากเขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ เขาจะจัดการกับปัญหาการอพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย และส่งผู้อพยพที่เขาเรียกว่า "อาชญากรที่โหดร้ายและกระหายเลือด" กลับประเทศไป ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังเรียกรองประธานาธิบดี คามาลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตว่า "คนไอคิวต่ำมาก" ทรัมป์ยังกล่าวโจมตีรัฐบาล ของไบเดนกับแฮร์ริสเรื่องปัญหาเศรษฐกิจและกิจการระหว่างประเทศ และยังประกาศนโยบายใหม่ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน คือ เขาจะลดหย่อนภาษีให้กับคนที่ทำหน้าที่ ดูแลสมาชิกในครอบครัวหรือคนรัก นอกเหนือจากการหยุดเก็บภาษีจากเงินประกันสังคม, ทิป, และค่าทำงานล่วงเวลา


งานหาเสียงเมื่อวานนี้มีผู้สนับสนุนขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยทรัมป์หลายคน เช่น อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าขอสเปซเอ็กซ์, เทสลา, และแอปพลิเคชันเอ็กซ์ / อดีตนักมวยปล้ำชื่อดัง ฮัลค์ โฮแกน / ไปจนถึง อดีตนายกเทศมนตรีเมืองนิวยอร์ก รูดี จูลีอานี / และงานหาเสียงนี้กำลังตกเป็นประเด็นและถูกวิจารณ์อย่างหนักจากฝ่ายตรงข้ามเพราะผู้ปราศรัยบางคนใช้คำพูดในเชิงเหยียดเชื้อชาติและเหยียดเพศหญิงเพื่อปลุกเร้าฝูงชน


เช่น นายจูลีอานี ที่บอกว่ารองประธานาธิบดีแฮร์ริสอยู่ข้างผู้ก่อการร้าย ในความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ และนายโทนี ฮินคลิฟฟ์ นักแสดงตลกชาวอเมริกัน พูดล้อเลียนชาวละตินว่า "ชอบทำลูก" และยังเรียกเปอร์โตริโก ซึ่งเป็นดินแดนของสหรัฐอเมริกาที่ตั้งอยู่ในทะเลแคริบเบียนว่า "เกาะขยะลอยน้ำ" เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทีมหาเสียงของทรัมป์ต้องรีบออกมาแก้ต่างว่า คำพูดดังกล่าวของผู้สนับสนุนไม่ได้สะท้อนมุมมองที่แท้จริงของทรัมป์หรือทีมหาเสียง


ด้านทีมหาเสียงของรองประธานาธิบดีแฮร์ริสได้ออกมาตำหนิว่า การชุมนุมหาเสียงที่เมดิสันสแควร์การ์เดน สะท้อนให้เห็นถึงความแตกแยกและการดูถูกที่เป็นอันตรายของทรัมป์


ส่วนตัวของแฮร์ริส เมื่อวานนี้ ลงพื้นที่หาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนีย หนึ่งในรัฐสมรภูมิที่ทั้งสองพรรคต้องการเอาชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเธอได้เดินทางไปเยี่ยมชมร้านตัดผมของคนผิวดำ และร้านอาหารเปอร์โตริโกในเมืองฟิลาเดลเฟีย


แฮร์ริสยังได้ขึ้นเวทีปราศรัยโดยเน้นไปที่กลุ่มคนเจนซี (Z) และผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรก เธอกล่าวชื่นชมคนรุ่นใหม่ที่มีความอดทนต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดี และรู้จักวิธีที่จะปกป้องโลก รวมถึง การต่อสู้เพื่อความปลอดภัยในโรงเรียน


ทั้งนี้ หากไปดูผลการสำรวจของ พิว รีเสิร์จ เซนเตอร์ (Pew Research Center) จะพบว่า นโยบายสำคัญที่ชาวอเมริกันให้ความสำคัญมากที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ คือ เศรษฐกิจ ซึ่งมีมากถึง 81% ตามมาด้วยสุขภาพ 65% การแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูง 63% ต่างประเทศ 62% และความรุนแรงทางอาชญากรรมอีก 61%


แต่หากมาดูแยกเป็นรายพรรคจะเห็นว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่สนับสนุนแฮร์ริสและทรัมป์ ให้ความสำคัญกับนโยบายต่างกัน ผู้สนับสนุนทรัมป์ให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจ ผู้อพยพ และความรุนแรงทางอาชญากรรมมากที่สุด ส่วนผู้สนับสนุนแฮร์ริสให้ความสำคัญกับนโยบายสุขภาพ การแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูง และเศรษฐกิจมากที่สุด


ผลสำรวจดังกล่าวค่อนข้างสอดคล้องกับคำบอกเล่าของผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิบูลพงศ์ พูนประสิทธิ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และที่ปรึกษาสมาคมอเมริกา ศึกษาในประเทศไทย ซึ่งได้บอกว่า นอกเหนือจากเศรษฐกิจแล้ว ชาวอเมริกันยังให้ความสำคัญกับการทำแท้งและผู้อพยพด้วย


ส่วนผลการสำรวจคะแนนนิยม ล่าสุด จากทางไฟว์เทอร์ตี้เอ้ก (538) และเอบีซี นิวส์ ระบุว่าแฮร์ริสยังคงมีคะแนนนำทรัมป์อยู่เพียงแค่ 1 % คือ 48% ต่อ 47%