เศรษฐกิจ

“แบงก์ชาติ” สั่งแบงก์กำหนดวงเงินโอนกลุ่มเสี่ยง “เด็ก-ผู้สูงอายุ” ไม่เกิน 5 หมื่นบาท

โดย chutikan_o

19 ส.ค. 2568

430 views

“แบงก์ชาติ” สั่งแบงก์กำหนดวงเงินโอนกลุ่มเสี่ยง ไม่เกิน 5 หมื่นบาท ส่วนกลุ่มเปราะบางเด็กและผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพ ธนาคารอาจจะให้วงเงินสอดคล้องกับประวัติ อาจจะให้ไม่เกิน 5,000 บาท สกัดความเสียหาย

นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มภัยทุจริตการเงิน จะเห็นว่าภัยจากแอปดูดเงินนับตั้งแต่ต้นปี-ปัจจุบัน พบว่า ไม่มีจำนวนผู้เสียหายแล้ว หรือ 0 เคส แต่ความเสียหายจากการถูกหลอกโอนเงิน ยังพบความเสียหาย เฉพาะในไตรมาส 2 มีมูลค่าความเสียหายราว 6,000 ล้านบาท หรือ เฉลี่ย 2,000 ล้านต่อเดือน ลดลงจากไตรมาส 2 ปี 67 ที่มีมูลค่าความเสียหาย 8,590 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากดูข้อมูลความเสียหายจากการหลอกลวง ในเดือนมิถุนายน 68 มีจำนวนความเสียหาย 24,500 เคส ความเสียหายรวม 2,800 ล้านบาท เฉลี่ย 114,000 บาทต่อเคส โดยยอดโอนเงินสูงสุดอยู่ที่ 4.9 ล้านบาท และหากดูธุรกรรมที่เหยื่อโอนเข้าบัญชีม้ามูลค่าสูงกว่า 5 หมื่นบาท โอนเงินภายใน 3 นาที ประมาณ 50% ของมูลค่าความเสียหาย โดยที่เหยื่อจะแจ้งข้อมูลเข้าระบบภายใน 19-25 ชั่วโมง

หากแยกตามกลุ่มอายุ จะพบว่าความเสียหายจะสูงขึ้นตามอายุ ข้อมูลสถิติย้อนหลัง 3 ปี 3 เดือน พบว่า เฉลี่ยคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีมูลค่าความเสียหายเฉลี่ย 4 แสนบาท และอายุน้อยกว่า 15 ปี แม้ว่าจำนวนเคสไม่เยอะ แต่จำนวนวงเงินค่อนข้างเยอะ ส่วนหนึ่งมาจากการผูกบัญชีกับครอบครัว ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหาย และกันเงินให้ได้เร็ว

ดังนั้น ล่าสุด แบงก์ชาติ ได้ร่วมมือกับสมาคมธนาคารไทย ยกระดับมาตรการเชิงป้องกัน โดยกำหนดวงเงินการโอนและชำระเงินต่อวันผ่านช่องทางดิจิทัลของลูกค้าบุคคลธรรมดาให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการทำธุรกรรมของลูกค้า โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายหลัก คือ 1.จำกัดไม่ให้มิจฉาชีพสามารถโอนเงินออกจากบัญชีได้ครั้งละจำนวนมาก เพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพถ่ายโอนเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดได้เร็ว ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสที่จะกักเงินของผู้เสียหายไว้ได้ทัน และ

2.จำกัดความเสียหายของประชาชนที่อาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของมิจฉาชีพ โดยธนาคารจะพิจารณากำหนดวงเงินการโอนและชำระเงินต่อวันให้เหมาะสมกับความเสี่ยงและพฤติกรรมการทำธุรกรรมในอดีตของลูกค้า จากเดิมที่เคยโอนได้ 2 ล้านบาทต่อวัน

ทั้งนี้ การกำหนดวงเงิน จะแบ่งลูกค้าเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มลูกค้าต้องสงสัย และมีความเสี่ยง 2.กลุ่มทั่วไป ธนาคารรู้จักและประเมินจากข้อมูลที่มีอยู่ และ 3.กลุ่มเปราะบางที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เช่น อายุต่ำกว่า 15 ปี และกลุ่มอายุเกินกว่า 65 ปี โดยจะมีการกำหนดวงเงินเป็น 3 ระดับ ได้แก่ กลุ่ม S วงเงินไม่เกิน 5 หมื่นบาทต่อวัน กลุ่ม M วงเงินไม่เกิน 2 แสนบาทต่อวัน และกลุ่ม L วงเงินมากกว่า 2 แสนบาทต่อวัน ซึ่งธนาคารจะมีการประเมินลูกค้าจากพฤติกรรม การทำธุรกรรม และการรู้จักลูกค้าของแต่ละคน เพื่อกำหนดวงเงินให้เหมาะสม เช่น ลูกค้าใหม่ ไม่รู้จัก มีรายได้ไม่ชัดเจน อาจจะใช้ S ไม่เกิน 5 หมื่นบาท และหลังจากดูพฤติกรรม 3-6 เดือน หรือมีข้อมูลใหม่ มีการใช้สินเชื่อ อาจจะปรับเป็น M หรือ L ส่วนกลุ่มเปราะบางเด็กและผู้สูงอายุ ธนาคารอาจจะให้วงเงินสอดคล้องกับประวัติ เช่น มองว่า 5 หมื่นบาทมากเกินไป อาจจะให้ 5,000 บาท

หากลูกค้าที่ต้องการทำธุรกรรมมากกว่าวงเงินที่กำหนดไว้ สามารถแจ้งกับธนาคารในการปรับเปลี่ยนวงเงิน เช่น มีความจำเป็นต้องใช้วงเงินฉุกเฉิน ธนาคารจะมีช่องทางพิเศษในการอนุมัติการใช้วงเงินภายในหลักชั่วโมงเท่านั้น ส่วนกลุ่มที่ต้องการวงเงินมากกว่าที่กำหนด เนื่องจากสามารถรับผิดชอบตัวเอง กรณีนี้ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยแจ้งธนาคารและให้เอกสารเพิ่มเติม

มาตรการนี้ จะมีผลบังคับใช้ในส่วนของลูกค้าใหม่ ที่เพิ่งสมัคร Mobile Banking ทันที และลูกค้าปัจจุบันที่ใช้ Mobile Banking อยู่แล้ว ซึ่งมีราว 120 ล้านบัญชี ให้ดำเนินการภภายในสิ้นปี 2568



แท็กที่เกี่ยวข้อง  แบงก์ชาติ ,กำหนดวงเงินโอน

คุณอาจสนใจ

Related News