เศรษฐกิจ
“พิชัย” สั่งรีดงบแบงก์รัฐ-ลดดอกเบี้ย ตั้งเป้าช่วยผู้ประกอบการรับมือวิกฤติกำแพงภาษี
โดย JitrarutP
15 พ.ค. 2568
186 views
“พิชัย” รองนายกฯ และ รมว.คลัง สั่งแบงก์รัฐลดกำไร-รีดงบหมดหน้าตัก ช่วยเหลือผู้ประกอบการ ผุดมาตรการ ลดดอกเบี้ย รับมือวิกฤตกำแพงภาษี ตั้งเป้าช่วยธุรกิจส่งออกตลาดสหรัฐ ซับพลายเชน ผู้ผลิตแข่งขันกับสินค้านำเข้า ธุรกิจท่องเที่ยว
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวใน “การประชุมมอบนโยบายสถาบันการเงินของรัฐ ช่วยภาคธุรกิจรับ มาตรการภาษีสหรัฐ และออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามนโยบายรัฐบาล” ว่ากระทรวงการคลังมีนโยบายเร่งด่วนให้สถาบันการเงินของรัฐปรับกลยุทธ์การดำเนินงาน โดยการลดเป้าหมายกำไรจากการทำธุรกิจ เพื่อจัดสรรเม็ดเงินงบประมาณมาจัดทำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นแก่ผู้ประกอบการ
โดยสถาบันการเงินของรัฐทั้ง 7 แห่ง อยู่ระหว่างเตรียมดำเนินการตามนโยบาย ประกอบด้วย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ SME D Bank ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM Bank ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
สำหรับโครงการต่าง ๆ อาทิ โครงการสินเชื่อ Soft Loan วงเงิน 100,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสิน ที่กำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขแตกต่างจากสินเชื่อ Soft Loan โครงการอื่น เนื่องจากมีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายผู้ประกอบการที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการชัดเจน 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) ธุรกิจส่งออกไปยังตลาดสหรัฐอเมริกา 2) ธุรกิจ Supply Chain และ 3) ธุรกิจผู้ผลิตสินค้าที่ต้องมีการแข่งขันสูงกับสินค้านำเข้าราคาถูกจากต่างประเทศ ตลอดจนผู้ประกอบการ SMEs ในภาพรวม และสถาบันการเงินของรัฐอื่นเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคเกษตรกรรม และภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงออกมาตรการลดดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบของนโยบายภาษีสหรัฐอเมริกาที่ส่งผลต่อผู้ส่งออกและธุรกิจ SMEs/Supply Chain อย่างมีนัยสำคัญ เป็นต้น ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการเสนอเข้าคณะรัฐมนตรีพิจารณา
นายพิชัยกล่าวว่า จะพิจารณาธุรกิจท่องเที่ยวที่อาจได้รับผลกระทบด้วย ส่วนมาตรการช่วยแรงงานที่เสี่ยงจะตกงาน คงต้องทำในเฟส 2
พร้อมยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยในช่วง2 ปีหลังจากนี้จะเกิดภาวะสะดุด ผลกระทบจากำแพงภาษีจะเกิดในระยะยาว ซึ่งไม่เพียงเฉพาะผู้ส่งออกโดยตรงไปยังสหรัฐ แต่ยังกระทบกับ SMS ที่อยู่ในซับพลายเชนด้วย แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับไทยจะไม่มากไปกว่าประเทศอื่น ยืนยันสถานะทางการเงินของธนาคารเฉพาะกิจของรัฐยังเข็มแข็ง
แท็กที่เกี่ยวข้อง ข่าวเศรษฐกิจ ,แบงก์รัฐ ,กำแพงภาษีนำเข้า