อาชญากรรม

เปิดใจเพื่อนบ้าน คดีพ่อฆ่า 5 ศพ เผยเมียท่าทางกลัวผัว เล่านาทีช่วยด.ญ.12

โดย panwilai_c

20 ก.ย. 2566

197 views

วันนี้ทีมข่าวอาชญากรรมลงพื้นที่ห้องเช่าของ นาง เจษฎา 1 ในภรรยา ของนายส่องศักดิ์ ที่ลูกตายไปถึง 4 คน ได้คุยกับเพื่อนบ้านที่ช่วยเหลือเด็กวัย 12 ปี บอก น้องต้องพังประตูมาขอความช่วยเหลือ



ห้องพักที่ 2 นางเจษฎาเช่าอยู่กับลูก 2 คน อยู่ในซอยพหลโยธิน 48 แยก 11 ย่านบางเขน พบกับคุณแชมป์ ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงซึ่งได้เข้าไปช่วยเหลือเด็กทั้งสองคนเมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา เล่าว่า ครอบครัวดังกล่าวไม่ค่อยยุ่งหรือพูดคุยกับใคร ตัวพ่อและแม่เด็กเมื่อมาถึงก็ขึ้นห้องทันที ส่วนที่มีรายงานข่าวว่า เด็กเคยลงมาวิ่งเล่นหรือซื้อของข้างล่างนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะตนและทุกคนในชุมชนไม่เคยเห็นเด็กลงมาข้างล่างเลย มีเพียงแต่ลงมากับแม่เขา แล้วก็ขึ้นกลับไปที่ห้อง



โดยในวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา เด็กทั้งสองคนถูกล็อคกุญแจจากด้านนอกของห้อง ซึ่งเด็กวัย 12 ขวบได้พยายามพังประตูและวิ่งลงมาขอความช่วยเหลือ โดยบอกพวกเขาว่า หนูถูกทำร้ายร่างกายและขอให้ขึ้นไปช่วยน้องวัย 4 ขวบที่ถูกแช่น้ำอยู่ หากไม่รีบขึ้นไปช่วยพวกหนูคงตายแน่ ๆ ถ้าพ่อหนูกลับมา พวกตนเลยรีบขึ้นไปช่วยที่ห้อง ก็เห็นเด็ก 4 ขวบแช่น้ำในสภาพผิวซีดและอิดโรย ส่วนเด็กวัย 12 ขวบ มีบาดแผลฟกช้ำเป็นปุ่มทั่วร่างกาย มีทั้งแผลใหม่และแผลเก่า โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง รวมทั้งมีรอยไหม้จากการถูกไฟลน ที่มุมปากก็มีรอยแผลเย็บ ตามร่างกาย พวกตนเลยตัดสินใจแจ้งให้ สก.เขตบางเขนและกัน จอมพลังเข้าช่วยเหลือ



จากการสอบถามเด็กวัย 12 ขวบ ระบุว่า น้องถูกพ่อทุบตีทำร้ายร่างกายทุกวัน ไม่ให้กินข้าว และถูกขังไว้ในห้องห้ามไม่ให้ออกไปไหน นอกจากนี้เวลาถูกทำร้ายร่างกาย แม่ได้สั่งเด็กทั้งสองว่าห้ามส่งเสียงร้องเด็ดขาดมิเช่นนั้นจะถูกทำร้ายหนักกว่าเดิม ตัวแม่เด็กเองก็ถูกพ่อทำร้ายร่างกายเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามน้องไม่เคยพูดถึงเด็ก 2 ขวบที่ถูกฆ่าโบกปูน



ขณะที่ป้าผู้ดูแลหอและขายของอยู่ด้านล่างอะพาร์ตเมนต์ เล่าว่า แม่เด็ก ชื่อ นางเจษฎา เป็นแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว เช่าห้องอยู่ที่ชั้น 2 ห้องริม มาประมาณ 2 ปีกว่า รู้แค่ว่าอยู่กับลูกสาววัย 12 ปี แต่มีบางครั้งก็พาเด็ก 4 ขวบมาที่อะพาร์ตเม้นท์ด้วย แต่ไม่เคยเห็นเด็ก 2 ขวบ แม่เด็กเคยเล่าให้ฟังว่า ที่ย้ายมาอยู่ที่อพาร์ทเมนท์นี้เพื่อแยกกันอยู่กับพ่อเด็ก เพราะเนื่องจากพ่อเด็กมีแฟนใหม่



ส่วนตัว นายส่องศักดิ์ พ่อของเด็ก ทำงานอาชีพขับรถส่องของ เคยเห็นว่าเดินทางมาที่อะพาร์ตเม้นท์นี้บ้างแต่ไม่บ่อย และไม่เคยพูดคุยกัน มีแค่ยิ้มทักทายกันตามปกติ



ปกติแล้วแม่เด็กกับตัวเด็กเองก็จะลงมาซื้อขนมบ้างที่ร้านด้านล่าง แต่ไม่ค่อยได้พูดคุยอะไรกัน ส่วนใหญ่เวลาเจอกันก็มักจะยิ้มทักทายและถามไถ่สารทุกข์สุขดิบบ้างเล็กน้อย ส่วนตัวเด็กวัย 12 ขวบเองนั้น เท่าที่สังเกตก็ไม่เห็นว่ามีร่องรอยของการถูกทำร้ายร่างกาย หรือเล่าให้ฟังว่าถูกทำร้าย



เธอยังบอกด้วยว่า เจอหน้าพ่อเด็กวันสุดท้าย คือ 10 กันยายน วันที่เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือเด็ก แต่นาย ส่องศักดิ์ แวะมาดูลูกแปปเดียวและรีบกลับออกไป แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย



เจ้าของหอเก่าของนายเอ็ม เผย ภรรยานายเอ็ม เคยมีบาดแผลใบหน้าที่หน้า แต่พอถามกลับบอกว่า "แพ้ครีม" ส่วนลูกสาววัย 12 ปีที่บกพร่องทางสติปัญญา เคยถูกน้ำร้อนลวกมานานแล้ว อ้างต้มมาม่าแล้วราดใส่แขนลูก



ทีมข่าวเดินทางไปยังหอพัก ซึ่งอยู่ระหว่างซอยพหลโยธิน 50 กับซอยพหลโยธิน 52 ซึ่งเป็นหอพักเก่าที่นายเอ็ม ผู้ต้องหา มาเช่าอยู่กับนางสาวเจษฎา ได้ประมาณ 2-3 ปี โดยเป็นหอพักเก่า ที่พักอาศัยตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด และเป็นคนละหอพักกับที่กัน จอมพลังไปช่วยเด็กอายุ 4 และ 12 ขวบ



ทีมข่าวได้พูดคุยกับคุณป้าเจ้าของหอพัก ได้ให้ข้อมูลว่า นายเอ็ม มาอยู่อาศัยกับภรรยาที่ชื่อนางสาวเจษฎา และมีลูกสาวอีก 1 คน ตอนนั้นอายุประมาณ 5-6 ขวบ (คนเดียวกับเด็กหญิงอายุ 12 ปี ที่กันจอมพลังไปช่วย) ขณะที่มาอยู่อาศัยก็ปกติดี ยกมือไหว้ทักทายตามปกติ แต่ก็เคยทราบข้อมูลมาว่าเคยมีปัญหาทะเลาะกับคนที่อยู่อาศัยห้องใกล้เคียง



คุณป้า ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า เคยเห็นนางสาวเจษฎา ภรรยาของนายเอ็ม มีบาดแผลที่ใบหน้า จึงสอบถามไปว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าตัวบอกว่า "แพ้ครีม" แต่เท่าที่ตนสังเกตดู ลักษณะบาดแผลเหวอะ เหมือนกับโดนน้ำร้อนลวก ซึ่งตนเองก็ไม่ได้ไปสอบถามรายละเอียดอะไรมากมาย เพราะเห็นเป็นเรื่องส่วนตัว ถ้าไม่ได้สร้างความรำคาญ กินเหล้าเมายา หรือทะเลาะกันตนเอง ก็จะไม่ไปยุ่ง



ที่ผ่านมา ไม่เคยมีคนในหอพักมาแจ้งว่าได้ยินเสียงใครร้องขอความช่วยเหลือ หรือมีการทำเสียงดัง ก่อนที่จู่ๆ ทางนายเอ็มจะหายไป และไม่จ่ายค่าห้องพัก อีกเดือนต่อมาจึงเปิดห้องพักเข้าไป เพื่อเคลียร์ของ พบว่าสภาพห้องเละเทะ เหม็น น้ำเจิ่งนอง จึงต้องจ้างคนมาขนทรัพย์สินไปทิ้ง และทำความสะอาดห้องใหม่



ทั้งนี้บุคลิกก็ดูเหมือนคนก้าวร้าว แต่กับตนเองก็เคารพและยกมือไหว้ดี แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้รู้นิสัยใจคอ



ขณะที่ ทีมข่าวได้เดินทางไปที่ร้านซ่อมรถ ที่อยู่ละแวกใกล้เคียงกับหอพัก ซึ่งนายเอ็มมักเอารถยนต์ไปซ่อมบ่อยครั้ง เมื่อทีมข่าวเปิดภาพให้ช่างซ่อมดู ก็ยืนยันว่า นายเอ็ม และ นางสาวเจษฎา เคยอยู่ที่นี่จริง พร้อมกับเด็กหญิงที่บกพร่องทางสติปัญญาแต่ไม่เคยเห็นเด็กอ่อน



ที่ผ่านมา นายเอ็ม ชอบมาคุยกับตนเองเวลาซ่อมรถ ดูเป็นคนอัธยาศัยดี และชอบเล่าว่ามีภรรยาอีกคนอยู่ต่างจังหวัด รวมถึงมีลูกด้วย แต่ตนก็ไม่ได้สอบถามในรายละเอียด ซึ่งก็เห็นว่านายเอ็มรักลูกดี และมักซื้อขนมไปให้ลูกทาน



แต่ตนเองเคยแต่เห็นว่าลูกสาวที่บกพร่องทางสมอง มักใส่เสื้อแขนยาวกางเกงขายาว และเคยเห็นเอาผ้ามาพันบาดแผลที่แขนไว้ เมื่อสอบถาม นายเอ็มอ้างว่า ลูกสาวต้มมาม่า แล้วน้ำร้อนราดแขนเลยทำให้เป็นแผลพุพอง



ขณะที่ชาวบ้านอีกรายให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า เคยเห็นนอกจากเด็กหญิงที่บกพร่องทางสติปัญญา และมีเด็กอ่อนอีกหนึ่งคนอายุประมาณเกือบหนึ่งขวบ ซึ่งก็เห็นอุ้มออกจากหอ แล้วก็พาขึ้นรถเลย จากนั้นไม่เห็นเด็กอ่อนอีก



จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปยังหอพักในซอยพหลโยธิน 48 ซึ่งเป็นหอพักปัจจุบันที่ กันจอมพลัง เคยลงพื้นที่มาช่วยเด็กหญิงอายุ 4 ขวบและ 12 ขวบ



จากการสอบถามชาวบ้านที่อาศัยอยู่ละแวกใกล้เคียงกับหอพักแห่งนี้ ให้ข้อมูลว่านานๆ ทีจะเห็นเด็กลงมา แต่ที่ผ่านมาเคยเห็นเด็กพยายามโยนข้าวลงมาจากหน้าต่างห้องพัก ลักษณะคล้ายขอความช่วยเหลือ แต่ไม่เคยได้ยินเสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือแต่อย่างใด คาดว่าเด็กถูกสั่งห้ามร้องเสียงดังหรือไม่

https://youtu.be/a3P61eHBKAg

คุณอาจสนใจ

Related News