อาชญากรรม

หนุ่มเมียนมาโหด ขอเงินเจ้าของร้านชำไม่ให้ กระหน่ำแทงเมียดับ สามีเจ็บ อ้างโมโหหิว-ไม่มีเงิน

โดย passamon_a

4 มิ.ย. 2567

221 views

เปิดวงจรปิดนาทีสะเทือนขวัญ หนุ่มเมียนมาทำทีมาซื้อข้าวสาร ก่อนจะขอเงินเจ้าของร้านชำ แต่ถูกปฏิเสธ กระหน่ำแทงเมียดับ สามีเข้าช่วยถูกแทงเจ็บ


เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.67 เวลาประมาณ 09.51 น. เกิดเหตุสะเทือนขวัญที่ร้านขายของชำ พื้นที่หมู่ 3 บ้านไสกล้วย ต.ทุ่งค่าย อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง เยื้องกับสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.ตรัง กล้องวงจรปิดภายในร้านขายของชำ จับภาพนาทีเกิดเหตุ คนร้ายเป็นชายสวมเสื้อสีแดง เสื้อแจ็คเก็ตแขนยาวสีดำคลุมทับ กางเกงสีเทา หมวกสีเทา ใส่หน้ากากอนามัยสีดำปิดบังใบหน้า สะพายกระเป๋า ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ-แดง ทะเบียน ขขล 220 ตรัง มาจอดหน้าร้านขายของชำ ก่อนจะเดินเข้าร้านไปขอซื้อข้าวสาร


โดย นางบุญศรี อายุ 53 ปี เจ้าของร้านขายของชำ ต้อนรับลูกค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมถือถุงพลาสติก ชี้จุดที่วางถังข้าวสาร และพาลูกค้าเดินไปตักข้าวสารใส่ถุง ซึ่งระหว่างนั้นจะเห็นว่า นายวิมล อายุ 56 ปี สามีของนางบุญศรี เดินไปหลังบ้านเพื่อจะอาบน้ำ


ขณะกำลังตักข้าวสาร คนร้ายมองไปรอบ ๆ ร้าน คล้ายกับจะสำรวจอะไรบางอย่าง ก่อนจะเอ่ยปากขอเงิน แต่นางบุญศรีไม่ให้และบอกให้ออกจากร้านไป คนร้ายจึงชักมีดที่พกติดตัวมาด้วย กระหน่ำแทงนางบุญศรีจนล้มลงกับพื้น ร้องเสียงดังลั่นร้าน ในขณะที่นายวิมลซึ่งกำลังอาบน้ำอยู่ ได้ยินเสียงภรรยาร้อง ก็รีบนุ่งผ้าขาวม้าออกมาดู พอเห็นคนร้ายกำลังกระหน่ำแทงภรรยา ก็รีบวิ่งเข้าไปช่วย คนร้ายเปลี่ยนเป้าหมาย พุ่งเข้าหานายวิมล ใช้มีดเล่มเดียวกันกระหน่ำแทง แต่นายวิมลพยายามต่อสู้ขัดขืนคนร้าย จนคนร้ายได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ จึงวิ่งออกจากร้านค้า หนีเข้าไปในสวนปาล์มด้านหลังร้าน โดยทิ้งรถจักรยานยนต์ไว้หน้าร้านค้า แต่ถูกตำรวจและชาวบ้านช่วยกันปิดล้อมจับกุมตัวไว้ได้


พ.ต.อ.พูนศักดิ์ เซ็งแซ่ ผกก.สภ.ย่านตาขาว เปิดเผยว่า หลังได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในร้าน จนทราบรูปพรรณของคนร้าย และได้รับแจ้งจากชาวบ้านในสวนยางพาราและสวนปาล์ม ที่อยู่ห่างจากร้านเกิดเหตุไปประมาณ 1-2 กิโลเมตร ว่ามีชายแปลกหน้า เสื้อผ้าเปื้อนเลือดวิ่งเข้าไปในสวน จึงนำกำลังปิดล้อมพื้นที่เป้าหมาย ใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที ก็จับกุมคนร้ายได้ คือ นาย ออง เส เมน อายุ 22 ปี สัญชาติเมียนมา โดยพบว่าคนร้ายได้รับบาดเจ็บถูกมีดบาดที่มือและแขน รวมทั้งยังถูกนายวิมลกัด ระหว่างต่อสู้กัน ขณะวิ่งหนีเข้าป่า ได้ใช้ใบสาบเสือมาห้ามเลือดตัวเอง


ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบภายในร้านชำที่เกิดเหตุ พบศพนางบุญศรี นอนจมกองเลือด ถูกแทงเข้าที่เหนือราวนมขวา 1 แผล, กลางหน้าอก 1 แผล และบริเวณหน้าอกซ้าย 1 แผล รวมทั้งหมด 3 แผล ส่วนนายวิมล สามี ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ยังมีสติ พลเมืองดีแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ชีพนำตัวส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนภายในร้าน พบว่าสินค้าตกกระจัดกระจาย มีรอยเลือดกระเซ็นตามพื้นและฝาผนัง เบื้องต้นไม่พบทรัพย์สินในร้านสูญหาย


พ.ต.อ.พูนศักดิ์ ระบุว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาผ่านล่าม เพราะพูดไทยไม่ได้ พบว่าเป็นแรงงานที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยมาจากฝั่งจังหวัดเมียวดีของเมียนมา ผ่านช่องทางธรรมชาติ เข้ามาที่ อ.แม่สอด จ.ตาก จากนั้นมีนายหน้าค้าแรงงานเถื่อนนำมาพักที่ จ.สุราษฎร์ธานี และนำตัวมาปล่อยไว้ข้างโรงงานแปรรูปไม้ยางพาราแห่งหนึ่งในพื้นที่เกิดเหตุ อยู่ห่างออกไปจากบ้านหลังเกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ก่อนจะตีสนิทกับแรงงานเมียนมาที่ทำงานอยู่ในโรงงานแปรรูปไม้ยางพารา จนได้เข้าไปอาศัยอยู่ในห้องของคนงานพม่า ประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนจะมาก่อเหตุ โดยอ้างว่าก่อเหตุคครั้งแรก ทำไปเพราะโมโหหิว และไม่มีเงิน


จากการค้นตัวผู้ต้องหา พบเพียงบัตรประจำตัวประชาชนของประเทศเมียนมา ไม่มีหนังสือเดินทาง ตรวจปัสสาวะไม่พบว่าใช้สารเสพติด ส่วนมีดที่ใช้ในการก่อเหตุ อ้างว่าโยนทิ้งระหว่างหลบหนี  


เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา, หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และหลังจากนี้หากนายวิมล สามีของผู้เสียชีวิตสามารถให้การได้ ก็จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม เช่น พยายามฆ่าผู้อื่น  


ขณะที่ นายวิชญาน ขวัญนิมิต กำนัน ต.ทุ่งค่าย เปิดเผยว่า ครอบครัวของนางบุญศรีและนายวิมล เป็นคนนิสัยดีมาก และเป็นที่รักของคนในชุมชน ไม่มีเคยมีศัตรูหรือขัดแย้งกับใคร ประกอบอาชีพค้าขายมาเป็นเวลานาน เป็นที่รู้จักของคนชุมชน โดยช่วงหลังเกิดเหตุ มีชาวบ้านแจ้งไปที่ผู้ใหญ่บ้าน ว่าเกิดเหตุร้ายที่ร้านชำ และคนร้ายทิ้งรถจักรยานยนต์ไว้ที่ร้านค้าด้วย เมื่อผู้นำชุมชนและชาวบ้านช่วยกันตรวจสอบ ก็พบว่าคนร้ายเป็นคนที่มาขอพักอาศัยอยู่กับแรงงานในโรงงานแปรรูปไม้ จึงช่วยกันไล่ล่าติดตามคนร้ายและแจ้งเบาะแสกับตำรวจ จนกระทั่งรวบตัวคนร้ายได้


ส่วนที่คนร้ายอ้างว่า ก่อเหตุเพราะโมโหหิวและโมโหที่ขอเงินไม่ได้นั้น ตนทราบมาว่า ก่อนจะเกิดเหตุ คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์มาซื้อของที่ร้านค้าพร้อมกับเพื่อนแล้วครั้งหนึ่ง พอซื้อของเสร็จ ก็ขี่รถกลับไปที่โรงงานไม้ จากนั้นคนร้ายขี่รถกลับมาที่ร้านค้าคนเดียวอีกครั้ง ก่อนจะก่อเหตุ ซึ่งที่ผ่านมา ในพื้นที่ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ทำให้ชาวบ้านหวาดกลัวและหวาดระแวงอย่างมาก


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/IMPnd1hQr4Q

คุณอาจสนใจ

Related News