อาชญากรรม

สาวร้อง เพื่อนบ้านยิงก้อนหินใส่หลังคาทุกวัน ตั้งแต่ปี 2564 แจ้งหน่วยงาน ไม่มีใครช่วยเหลือ

โดย kanyapak_w

15 พ.ค. 2567

141 views

สาวร้อง เพื่อนบ้านยิงก้อนหินใส่หลังคาทุกวัน ตั้งแต่ปี 2564 ร้องหน่วยงาน ไม่มีใครช่วยเหลือ แจ้งตำรวจก็บอกไม่มีหลักฐาน จนทุกวันนี้คนในบ้านผวาไม่กล้าอยู่นอกบ้าน


น.ส.บิว (นามสมมติ)อายุ 28 ปี ชาวตำบลห้วยไผ่ อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง ร้องเรียนเพจโหนกระแส ว่า ถูกเพื่อนบ้านยิง-ปาก้อนหินใส่หลังคาบ้านทุกวัน ตั้งแต่ปี 2564 ร้องเรียนหน่วยงานไหนก็ไม่เป็นผล ขอเจรจาคู่กรณีก็ไม่มา ซ้ำยังโดนขู่แจ้งความหมิ่นประมาท


ผู้ร้องเรียน เล่าว่า ในบ้านที่เกิดเหตุมีเพียงเด็กกับหญิงชรา ผู้ก่อเหตุเป็นผู้ชาย ทั้งยิงทั้งปาหินใส่หลังคาบ้านมา 3 ปีแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาทำเพื่ออะไร แต่เดาว่า น่าจะเป็นเรื่องที่คู่กรณีอ้างว่า ถูกลูกพี่ลูกน้องของตนแย่งแฟน ซึ่งเขาก็ไม่ได้อยู่ที่บ้านนี้ ยายเคยไปถาม ว่าทำแบบนี้ทำไม เขาตอบว่า ก็ยายไปฝังชิปในสมองเขา ให้เขาต้องยิงทุกวัน


ซึ่งยายมีประวัติรักษาอาการซึมเศร้า ต้องคอยกินยา แต่บางวันต้องสะดุ้งตื่นตอนตี 2 ตี 3 เพราะเสียงก้อนหินตกใส่หลังคา ทำให้เครียด ปวดหัวรุนแรง บางครั้งยายทนไม่ไหว ไปตะโกนต่อว่า ก็โดนด่าสวนกลับมา ญาติ ๆ พี่น้องของคู่กรณีก็เข้าข้างกัน ช่วยกันด่า ไปฟังเสียงหินกระทบหลังคา


ที่ผ่านมาเคยไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเมื่อผู้ใหญ่บ้านเข้าไปคุย ก็โดนคู่กรณีด่ากลับออกมา จนผู้ใหญ่บ้านมาตัดพ้อกับตนว่า ไม่รู้จะทำอย่างไร จนตนรู้สึกเกรงใจที่จะต้องแจ้งผู้ใหญ่บ้านบ่อย ๆ


เลยหันแจ้งนายก อบต. ได้คำตอบว่า ไม่ใช่เรื่องของเขา เป็นเรื่องของผู้ใหญ่บ้าน จึงตัดสินใจไปร้องศูนย์ดำรงธรรมถึง 2 รอบ ศูนย์ดำรงธรรมก็โยนให้ไปแจ้งตำรวจ พอไปแจ้งตำรวจ ก็บอกว่า ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ทำอะไรไม่ได้ ทำให้ตนรู้สึกหมดหนทาง


ที่ผ่านมาเคยพยายามตั้งกล้องถ่ายภาพเป็นหลักฐาน แต่ก็เห็นเพียงก้อนหินลอยมา ไม่เห็นตัวคู่กรณี เพราะบ้านของคู่กรณีเป็นบ้าน 2 ชั้น แต่บ้านตนเป็นบ้านชั้นเดียว ทั้งยังมีป่ากล้วยคั่นกลาง บางครั้งเห็นตัวคู่กรณีเข้ามาทางป่ากล้วย จะถ่ายรูปก็ไม่ทัน


เคยมีเหตุการณ์เผชิญหน้ากัน โดยคู่กรณีถือท่อนเหล็กอยู่ แฟนตนรีบตามมาดู คู่กรณีกลับไปลงบันทึกประจำวันว่า แฟนตนมีปืนและใช้ปืนขู่เขา ทั้ง ๆ ที่แฟนตนไม่ได้มีปืนเลย เพียงแค่ขี่รถตามไปดูเท่านั้น



มีช่วงหนึ่งที่คู่กรณีโดนจับข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด เขาไม่อยู่บ้าน 6 เดือน เป็นช่วงที่บ้านตนสงบสุข และสบายใจมาก แต่หลังจากนั้นก็เหมือนเดิม แถมญาติ ๆ คู่กรณียังไปแจ้งเบาะแสเท็จ เพื่อกลั่นแกล้งบ้านตน เพราะคิดว่าตนเป็นคนทำให้คู่กรณีโดนจับ ซึ่งหากตนทำได้จริง คงแจ้งจับเรื่องยิงก้อนหินไปแล้ว มีการกล่าวหาว่าบ้านตนค้ายาเสพติด จนตำรวจและฝ่ายปกครองเข้ามาค้นบ้านถึง 3 รอบ สุดท้ายก็ไม่พบสิ่งผิดกฏหมาย



ตนได้ถามตำรวจว่า หากคู่กรณีแจ้งทุกวัน ตนไม่ต้องมานั่งเฝ้าเจ้าหน้าที่ทุกวันเลยเหรอ? เจ้าหน้าที่ตอบว่า "หากไม่มีอะไร ให้ค้นก็จบ" เลยถามว่า แจ้งกลับได้หรือไม่ ว่าถูกกลั่นแกล้ง เจ้าหน้าที่บอกเพียงว่า "จะลงบันทึกไว้ให้ว่าไม่ได้ทำผิด ว่าถูกกลั่นแกล้ง"



ที่ผ่านมาตนพยายามนัดเจรจากับคู่กรณี อยากรู้ว่าปัญหาคืออะไร เพื่อจะได้หาทางออกร่วมกัน แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ ซ้ำยังโดนท้าให้เจอกันที่ศาล เพราะจะฟ้องตนฐานหมิ่นประมาท



ตอนนี้ตนไม่อยากเจรจาแล้ว อยากเอาเรื่องคู่กรณีให้ถึงที่สุด เพราะเดือดร้อนและทนมานานมากแล้ว คนในบ้านเคยถูกก้อนหินหล่นโดนหัว จานชามข้าวของในบ้านก็เสียหาย ระยะหลังยิ่งหนักขึ้น จากแต่ก่อนที่ยิงช่วงค่ำไปจนดึก พอไม่ได้ไปทำงานก็ยิงตั้งแต่เช้า ยิงตลอดทั้งวัน ทำให้หวาดผวา ไม่กล้าเดินไม่กล้านั่งหรือออกไปทำอะไรหน้าบ้านเลย



เช้าวันนี้ผู้สื่อข่าวไปที่บ้านผู้เสียหาย พบว่า มีฝ่ายปกครองอำเภอแสวงหา ตำรวจ สภ.แสวงหา และเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลแสวงหา ลงพื้นที่บ้านผู้เสียหาย



โดย น.ส.บิว บอกว่า ตนเองอาศัยอยู่กับแม่ และลูกอีก 2 คน ทุกวันนี้ต้องอยู่อย่างหวาดระแวง ไม่รู้ว่าคืนนี้นายเบิร์ดจะใช้หนังสติ๊ก หรือแอบเดินเข้ามาในป่ากล้วย แล้วป่าหินใส่หลังคาบ้านอีกหรือไม่ ส่วนที่นายเบิร์ดบอกว่า ที่ยิงหนังสติ๊กใส่ เพราะได้ยินเสียงปืน จึงยิงหินใส่นั้น จริง ๆ แล้วเป็นเสียงเด็กจุดประทัดเล่นกัน



ผู้สื่อข่าวไปที่บ้านนายเบิร์ด คู่กรณี ได้เจอกับเจ้าตัว โดยบอกว่า ตนเองถูกเพื่อนบ้านเข้ามากระตุ้น มาบีบคั้นจนเจ็บปวด ตนถูกละเมิดสิทธิคอมพิวเตอร์ในร่างกายของผม จึงต้องออกมาร้องเรียนบ้าง แต่ก็ไม่มีหลักฐานเอาผิดเขา เมื่อถามว่า ได้เอาหนังสติ๊กไปยิงบ้านเขา หรือไม่ ได้คำตอบว่า เขามากระตุ้นให้ผมเจ็บปวด ถ้าเขาไม่ทำอะไร ผมจะไปบ้าทำอะไรเขา หนังสติ๊กก็ขาดแล้วด้วย




ด้านนายนพพร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 บอกว่า ได้รับเรื่องร้องเรียน และลงพื้นที่มาตรวจสอบ พร้อมระงับเหตุหลายครั้งแล้ว แต่นายเบิร์ดก็ยังไม่เลิกพฤติกรรม เนื่องจากมีประวัติเสพยาเสพติด และไม่ทราบว่ายังเสพอยู่อีกหรือไม่ จากการพูดคุยวันนี้ นายเบิร์ดรับปากว่า จะไม่ทำอีก



ด้านเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ได้ตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่า นายเบิร์ดอาจจะ เข้าข่ายอาการจิตเวช มีอาการหวาดระแวง หลงผิด ว่าถูกฝังเครื่องสะกดรอยตาม ทั้งนี้จะพาไปตรวจอาการอย่างละเอียด ในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้



คุณอาจสนใจ