ศาลฎีกา พิพากษากลับ ให้กรมอุทยานฯ ชดใช้กว่า 1 ล้านบาท แก่แม่ "ชาลี ไล้โจ่"

นายสุรพงษ์ กองจันทึก ที่ปรึกษาสมาคมนักกฎหมายคุ้มครองสิทธิและสิ่งแวดล้อม (LAPA) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา กรณี นายชาลี ไล้โจ่ และหลานคือ นายสาธิต เจิ่งป่อง ทั้งสองเป็นชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง อยู่ที่ ต.เขาโจด อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ได้เข้าป่าหาเห็ดมาประกอบอาหาร ในพื้นที่ ต.แก่นมะกรูด อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2559 แต่ถูกเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ยิงเข้าที่ศีรษะ จนทำให้เสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่อ้างเหตุป้องกันตัว เนื่องจาก นายชาลี ยกปืนขึ้นเล็งจะยิงเจ้าหน้าที่ ต่อมาอัยการ มีคำสั่งไม่ฟ้องเจ้าหน้าที่ในความผิดคดีอาญา

ชาวบ้านญาติของนายชาลี เห็นว่านายชาลี ถูกยิงจากด้านหลังขณะวิ่งหนีเจ้าหน้าที่ ไม่ได้ต่อสู้การจับกุมตามที่เจ้าหน้าที่กล่าวอ้าง ได้เรียกร้องขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชน และขอความช่วยเหลือมาที่สมาคมนักกฎหมายคุ้มครองสิทธิและสิ่งแวดล้อม นำมาสู่การฟ้องเรียกค่าเสียหายในคดีแพ่งต่อกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมารดา ภรรยา และลูกของนายชาลี

สำหรับคดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้อง และศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ขณะที่ศาลฎีกา ได้มีคำพิพากษากลับ โดยเห็นว่าการที่เจ้าหน้าที่อุทยานใช้อาวุธปืนเอชเค 33 ยิงผู้ตาย เป็นเหตุให้กระสุนปืนถูกศีรษะจนถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งเจ้าหน้าที่อุทยานจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ จึงเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อเป็นการละเมิดต่อผู้ตาย

จำเลยทั้งสองคือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต้องร่วมกันรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนในผลแห่งละเมิดของเจ้าหน้าที่อุทยาน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของตนที่ได้กระทำในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 โดยพิพากษากลับว่า ให้จำเลยทั้งสอง ร่วมกันชำระค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ที่ 1 (มารดานายชาลี) เป็นค่าขาดไร้อุปการะ 1,000,000 บาท และค่าปลงศพ 30,000 บาท

ด้าน นางสะเปียส่า ไล้โจ่ มารดาของนายชาลี กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้รับความเป็นธรรมจากศาล ที่ผ่านมาอยู่คนเดียว มีชีวิตยากลำบาก เพราะขาดลูกชายที่คอยดูแล