อาชญากรรม
สุดช้ำ! หนุ่มถูกลักจยย. โพสต์หาเบาะแส เจอมิจฉาชีพอ้างเป็นตร. หลอกโอนค่าส่งรถคืน สูญทั้งเงินทั้งรถ
โดย nut_p
27 มิ.ย. 2567
134 views
หนุ่มสุดช้ำ! ถูกหัวขโมยบุกลักรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจถึงหน้าร้านช่วงกลางดึก นำคลิปกล้องวงจรปิดเข้าแจ้งความตำรวจพร้อมโพสต์หาเบาะแสในเพจ กลับถูกมิจฉาชีพสวมรอยเป็นตำรวจ อ้างจับคนร้ายได้พร้อมรถของกลางที่สังขละบุรี หลอกโอนเงินค่าขนส่งรถไปให้ สุดท้ายสูญทั้งเงินสูญทั้งรถ
คลิปวีดีโอจากกล้องวงจรปิด ของร้านขายโทรศัพท์ ริมถนนแสงชูโต บริเวณฝั่งตรงข้ามซุ้มประตูวัดถาวรวราราม เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี บันทึกภาพเหตุการณ์เมื่อเวลา 22.50 นาฬิกา ของวันที่ 26 มิถุนายน 2567 ขณะที่ ชายคนหนึ่งเดินข้ามถนนมาจากฝั่งซุ้มประตูวัดถาวรวราราม และเดินมาตามริมถนนก่อนจะเดินเข้าไปหารถจักรยานยนต์ยี่ห้อ Honda รุ่น Wave ที่จอดอยู่บริเวณด้านหน้าร้านสินเชื่อรถจักยานยนต์ โดยชายคนดังกล่าว ใช้อุปกรณ์ที่เตรียมมา แทงเข้าไปที่บริเวณรูกุญแจของรถจักรยานยนต์ด้วยความชำนาญ ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
โดยหลังเกิดเหตุ นายพี อายุ 29 ปี เจ้าของรถจักรยานยนต์ Honda Wave ที่ถูกก่อเหตุ ได้นำคลิปวีดีโอจากกล้องวงจรปิด เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรีเพื่อให้ช่วยติดตามหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุรายนี้มาดำเนินคดี
ขณะเดียวกัน แฟนสาวของนายพี ได้นำคลิปวีดีโอดังกล่าวพร้อมรูปถ่ายรถจักรยานยนต์คันที่ถูกก่อเหตุไปโพสต์ลงใน เฟซบุ๊กเพจ คนเมืองกาญจน์2 (รีเทิร์น) เพื่อตามหาเบาะแสของรถจักรยานยนต์และคนร้ายที่ก่อเหตุ
กระทั่ง เมื่อช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 27 มิถุนายน 2567 ได้มีโทรศัพท์สายหนึ่ง โทรเข้ามาหานายพี ซึ่งเป็นเจ้าของรถคันที่ถูกก่อเหตุ โดยอ้างตัวว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศร้อยตำรวจเอกของสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี และแจ้งให้นายพีทราบว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายพร้อมรถจักรยานยนต์ที่ถูกก่อเหตุไว้ได้แล้ว ในพื้นที่ด่านพระเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมขอให้นายพี โอนเงินค่าใช้จ่ายเป็นค่าแจ้งเบาะแสของสาข่าว จำนวน 3,000 บาท และค่าจ้างรถขนส่งเพื่อนำรถจักรยานยนต์คันที่ถูกก่อเหตุกลับมาส่งคืนให้กับนายที จำนวน 1,300 บาท ด้วยความดีใจ และอยากจะได้รถจักรยานยนต์คืนเร็ว ๆ ทำให้นายพี ตัดสินใจโอนเงินไปให้กับมิจฉาชีพรายดังกล่าวทันที
แต่สุดท้าย เมื่อติดต่อกลับไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ก็ได้รับคำตอบว่ายังไม่มีการจับกุมคนร้ายที่ขโมยรถจักรยานยนต์รายนี้ได้แต่อย่างใด และเมื่อนายพีพยายามโทรศัพท์กลับไปหาผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจ ของสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรีก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก จึงรู้ตัวว่าถูกมิจฉาชีพรายนี้สวมรอยเป็นตำรวจหลอกให้โอนเงินไปให้ ทำให้ต้องสูญเสียทั้งรถจักรยานยนต์และเงินอีก 4,300 บาท
นายพี กล่าวว่า ตนเชื่อว่า มิจฉาชีพรายนี้น่าจะเห็นโพสต์ที่แฟนตนโพสต์เรื่องรถจักรยานยนต์ของตนที่ถูกขโมยลงในเฟซบุ๊ก และสวมรอยปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โทรมาหลอกตน ตามเบอร์โทรศัพท์ที่แฟนของตนทิ้งไว้ในโพสต์ ประกอบกับในช่วงที่มิจฉาชีพรายนี้โทรมา ตนกำลังร้อนใจและอยากได้รถคืนเร็ว ๆ จึงตัดสินใจโอนเงินไปให้ โดยไม่ไตร่ตรองให้ดีก่อน ทำให้ต้องเสียทั้งรถและเสียทั้งเงิน นายพี ยังฝากถึงผู้ที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับตนและอาจจะถูกมิจฉาชีพสวมรอยเข้ามาหลอกซ้ำ โดยขอให้ตั้งสติให้ดี ก่อนจะหลงเชื่อหรือตัดสินใจดอนเงินไป ควรโทรศัพท์สอบถามพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีหรือพยายามถามหาหลักฐานให้แน่ใจว่า ผู้ที่ติดต่อเรามาเป็นตำรวจจริง ๆ ไม่ใช่มิจฉาชีพ
ขณะเดียวกัน พันตำรวจเอกสุรยุทธ เมฆมังกร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี กล่าวว่า ขณะนี้ มีกลุ่มมิจฉาชีพแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ คอยโทรศัพท์ไปหลอกเหยื่อให้หลงเชื่อและต้องสูญเสียทรัพย์สิน จึงขอให้ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ เพราะหากเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง เมื่อสามารถติดตามจับกุมคนร้ายที่ขโทยรถหรือทรัพย์สินของประชาชนไปได้ จะไม่มีการโทรศัพท์ไปเรียกรับเงินจากผู้เสียหายอย่างแน่นอน