สังคม
รวบแก๊งคอลฯ คาโรงแรมกลางกรุง หลอกโอนเงิน ฟอกเงินซื้อทอง 4.5 ล้านบาท
24 ก.ย. 2568
153 views
เมื่อวันที่ 23 ก.ย.68 ชุดสืบสวนตำรวจนครบาล เข้าเชิญตัวหญิงไทย 2 คน อายุประมาณ 30 ปี ที่กำลังไปรับทองน้ำหนัก 80 บาท มูลค่ารวมประมาณ 4-5 ล้านบาท จากร้านทองแห่งหนึ่งย่านเยาวราช มาสอบปากคำที่ สน.จักรวรรดิ หลังได้รับแจ้งผ่านศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ หรือ ศูนย์ IAC ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ธุรกรรมการซื้อทองครั้งนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เนื่องจากพบพฤติการณ์หลอกผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีม้า แล้วนำเงินมาซื้อทองอีกที โดยมีผู้เสียหาย 2 ราย แจ้งความผ่านช่องทางออนไลน์ เป็นคดีในท้องที่ สน.พญาไท และ สน.บางโพ
มีรายงานว่า จากการสอบปากคำหญิงไทย 2 คน คนหนึ่งเป็นเจ้าของบัญชีธนาคาร และอีกคนทำหน้าที่ควบคุมการรับทอง ซึ่งหญิงเจ้าของบัญชีอ้างว่า ได้รับค่าจ้างครั้งละ 2,000 บาท ให้ไปรับหญิงอีกคนที่โรงแรมย่านจตุจักร แล้วพาไปรับทองย่านเยาวราช หลังรับทองแล้ว ก็จะนำทองไปส่งต่อให้ผู้ร่วมขบวนการคนไทยอีกราย ที่รอรับทองไปต่ออีกทอดหนึ่ง โดยเริ่มทำครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา
ตำรวจขยายผลสืบสวน กระทั่ง พลตำรวจตรีวสันต์ เตชะอัครเกษม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พลตำรวจตรีโชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล นำกำลังเข้าตรวจสอบที่ชั้น 8 ของโรงแรมแห่งหนึ่งย่านรัชดาภิเษก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ตามข้อมูลของหญิงต้องสงสัยเป็นม้าทองทั้ง 2 ราย ที่ให้การว่ามีการเปิดห้องพักแห่งนี้ เป็นที่สั่งการให้ไปกดเงินและรับทอง
จากการเข้าตรวจค้นห้องพักดังกล่าว เป็นห้องสูทขนาดใหญ่ มีตราประทับของบริษัทนิติบุคคล 10 บริษัท, เอกสารรับรองการเปิดบริษัท, สมุดบัญชีธนาคาร 3 เล่ม, โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง, ถุงใส่ทองคำ 3 ถุง, ยาบ้า 10 มัด รวม 1,000 เม็ด พร้อมอุปกรณ์การเสพ นอกจากนี้ยังพบห้องพักที่บริเวณชั้น 7 อีก 5 ห้อง ซึ่งใช้เป็นห้องพักและห้องทำงานย่อย ๆ และสามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่จุดนี้ เป็นชายได้อีก 3 คน
สอบปากคำหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ รับว่าถูกชักชวนผ่านทางแอปพลิเคชั่น เข้ามาทำงานในบริษัทเงินกู้ที่เปิดบังหน้า แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นแก๊งรับโอนและกดเงินบัญชีม้า โดยในแต่ละวันจะมีหน้าที่สแกนใบหน้าเพื่อโอนเงิน และออกไปรับทองตามร้านต่าง ๆ ได้ค่าจ้างเดือนละ 10,000 ถึง 50,000 บาท ส่วนยาบ้าที่เจอ เก็บไว้เสพเองวันละ 10 เม็ด ร่วมกับการดื่มน้ำกระท่อม โดยจะมีผู้จัดหายาเสพติดและอาหารมาให้
พลตำรวจตรีวสันต์ บอกว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีรูปแบบระงับยับยั้งเงินก่อนที่จะเกิดความเสียหาย เป็นการทำงานเชิงรุก จากเมื่อก่อนที่จะต้องรอให้ผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความ แต่ปัจจุบันตำรวจได้เข้ายับยั้งเงินที่ผู้เสียหายโอนเข้ามาในขบวนการนี้ ได้มากกว่า 100 ล้านบาท
สำหรับขบวนการนี้มีการหลอกลวงผู้เสียหาย 2 คน ในพื้นที่ สน.พญาไท และ สน.บางโพ ถูกหลอกให้โอนเงินเข้ามาที่บัญชีธนาคารของบริษัทนิติบุคคล ยอดรวมประมาณ 4,500,000 บาท ระหว่างนั้นทางวอร์รูม ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจพบลักษณะการโอนเงินที่ผิดปกติ จึงสั่งเฝ้าติดตามเส้นทางการเงิน พร้อมกับแจ้งให้ตำรวจแต่ละพื้นที่เตรียมเข้าตรวจสอบ
กระทั่งพบว่าเงินจำนวนดังกล่าว ถูกโอนผ่านเข้าแอปพลิเคชั่นซื้อขายทองคำออนไลน์ ของห้างทองชื่อดัง เพื่อซื้อทองคำรวมน้ำหนัก 80 บาท และมีการเตรียมคนให้เดินทางไปรับทองคำที่ห้างทองย่านเยาวราช ตำรวจชุดสืบนครบาลและชุดสืบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 จึงเฝ้าติดตาม กระทั่งพบหญิง 2 คน เป็นผู้ไปรับทองคำ จึงเชิญตัวมาสอบปากคำที่ สน.จักรวรรดิ ก่อนจะขยายผลมาตรวจสอบที่ห้องพักแห่งนี้ โดยข้อมูลทั้งหมดได้รับแจ้งช่วงเที่ยงวานนี้ และสามารถขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง
ทั้งนี้ชุดจับกุมยังไม่ทราบรายละเอียด ว่าพฤติการณ์การหลอกลวงผู้เสียหายของกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวเป็นอย่างไร เตรียมเรียกผู้เสียหายแต่ละคนเข้าให้ปากคำ โดยในพื้นที่ สน.พญาไท ผู้เสียหายจะเข้าแจ้งความในวันนี้ (24 ก.ย.68) และที่ สน.บางโพ จะเข้าแจ้งความในวันศุกร์นี้ เพื่อขยายผลให้ถึงผู้ร่วมขบวนการทุกคน
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/KVOH4pUA56A
แท็กที่เกี่ยวข้อง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ,หลอกโอนเงิน ,ฟอกเงินซื้อทอง