อาชญากรรม

ยาย 71 ปี สุดเหี้ยมฆ่าเจ้าหนี้วัย 78 ดับคาสวนยาง รับแค้นถูกทวงเงินต่อหน้าคนอื่น

16 ม.ค. 2566

309 views

ยายวัย 71 ปีลงมือฆ่าเหี้ยม เจ้าหนี้วัย 78 ปีดับคาสวนยางพารา ยอมจำนนต่อหลักฐานชี้ชัด หลังก่อเหตุใส่รองเท้าบูทผู้ตายกลับมา รับเหตุเพราะแค้นติดหนี้ผู้ตาย แต่กลับทวงต่อหน้าคนอื่น ประกาศในชุมชนจนทำให้โกรธแค้น


จากกรณีนางละมุน สุขลิ้ม หรือป้าศรี อายุ 78 ปี ถูกคนร้ายก่อเหตุฆ่าโดยการทุบและใช้ของมีคมฟันเข้าที่ใบหน้า จนเสียชีวิตขณะกรีดยางพารา จนกระทั้งมีคนไปพบเป็นศพเวลาประมาณ 05.30 น. วันนี้ 16 ม.ค. ซึ่งภายหลังจากเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นางอารมณ์ แพะนา หรือป้ายม อายุ 71 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านและลูกหนี้ของผู้ตายไปสอบปากคำ


เนื่องจากสืบทราบว่านางอารมณ์ เป็นเพียงคนที่น่าจะมีการเกี่ยวจ้องกับการเสียชีวิตและเป็นลูกหนี้ รวมทั้งพบว่ารองเท้าบูทสีฟ้าของผู้ตายหายไป 1 ข้าง สวมใส่อยู่เพียง 1 ข้าง และใกล้กับศพพบรองเท้าบูทสีดำ ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นของใครตกอยู่อีก 1 ข้าง


ต่อมาได้มีการสอบปากคำนางอารมณ์ ผู้ต้องสงสัยรายดังกล่าว นานกว่า 8 ชั่วโมง แต่ให้การไม่เป็นประโยชน์ใดๆในทางคดี และยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องใดๆกับการเสียชีวิต เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญพยานรายอื่นมาสอบปากคำ จนทราบว่า เมื่อคืนนี้ที่ผ่านมาชาวบ้านได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้อง และสุนับเห่า ก่อนจะพบเห็นนางอารมณ์ เดินถือมีดกรีดยางวนเวียนอยู่ในจุดเกิดเหตุ พร้อมทั้งได้เรียกให้เพื่อนบ้านซึ่งเป็นพยานมารับไปส่งที่บ้าน โดยขณะนั้นสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงวอร์ม และรองเท้าบูท


จนกระทั้งเวลาประมาณ 12.30 น. ชาวบ้านได้พบรองเท้าบูทสีฟ้า 1 ข้าง และสีดำ 1 ข้างถูกทิ้งอยู่ภายในสวนยางพาราห่างจากบ้านเลขที่ 51 หมู่ 5 บ้านหนองเตย ต.ย่านตาขาว ประมาณ 20 เมตร ซึ่งเป็นบ้านเช่าของผู้ต้องสงสัย ทำให้ พ.ต.อ.พูนศักดิ์ เซ็งแซ่ ผกก.สภ.ย่านตาขาว พ.ต.อ.รัฐกร ภักดีวานิช ผกก.สส.ภ.จว.ตรัง พ.ต.ต.ขวัญเจริญ ไกรทอง สว.กก.สส.ภ.จว.ตรัง กำลังชุดสืบสวน และพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ตรัง ได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบ พบว่ารองเท้าบูทสีดำเป็นของนางอารมณ์ เป็นและสีฟ้าเป็นของผู้เสียชีวิต ซึ่งมีคราบเลือดติดอยู่


ต่อมาตรวจสอบพบว่าในถังขยะห่างจากบ้านผู้ต้องสงสัยอีกประมาณ 20 เมตร พบเสื้อผ้าของผู้ต้องสงสัย สภาพเปื้อนเลือดและมีเส้นผม คาดว่าเป็นของผู้ตายติดอยู่ และหน้ากากอนามัยของผู้ต้องสงสัยถูกนำมาทิ้งไว้ในถังขยะ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ขณะเดียวกันได้ตรวจสอบภายในบ้านเช่าของผู้ต้องสงสัย พบกางเกงวอร์มสีดำ ซึ่งตรงกับที่พยานระบุขณะพบเห็น ได้ถูกนำมาแช่ในถังน้ำภายในห้องน้ำของบ้านในสภาพเปื้อนเลือด ก่อนจะนำตัวผู้ต้องสงสัยมาชี้จุดที่บ้านพัก แต่ยังคงให้การปฏิเสธ


ต่อมาในเวลาประมาณ 15.30 น. นายวัลลพ จรูญศักดิ์ หรือกำนันโก้ กำนัน ต.ย่านตาขาว ได้เข้ามาพูดคุยกับผู้ต้องสงสัย จนทำให้นางอารมณ์ ยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุเอง พร้อมให้การว่า ตนเองได้ไปยืมเงินของป้าศรี (ผู้ตาย) อยู่บ่อยครั้ง ครั้งละประมาณ 200-300 บาท รวมเงินทั้งหมดประมาณ 5,500 บาท ในช่วงตลอด 1 ปีที่ผ่านมา


ซึ่งตนก็ไม่ได้คืน และได้ไปยืมอยู่เรื่อยๆ แต่ผู้ตายก็ได้เข้ามาทวงตนอยู่บ่อยครั้ง รวมทั้งไปบอกป่าวประกาศพูดคุยกับเพื่อนบ้านว่าตนไปยืมเงินแล้วไม่คืน จึงโมโหและโกรธแค้น จึงได้วางแผนออกไปที่สวนของผู้ตาย พร้อมกับถือมีดกรีดยางไป 1 เล่ม โดยอ้างว่าจะไปกรีดยาง ก่อนจะเห็นผู้ตายกรีดยางจึงเข้าทำร้าย


ด้วยความแค้นหวังแค่เพียงว่าแค่จะขู่ตักเตือนไม่ให้ผู้ตายนำเรื่องที่ติดเงินอยู่ไปบอกคนอื่น แต่ไม่ได้ใช้อาวุธใดๆ ใช้แค่เพียงหมัด ศอก และสิ่งของที่หยิบจับได้บริเวณนั้นลงมือก่อเหตุ ก่อนจะกลับมาทำลายหลักฐาน จนกระทั้งตำรวจมาควบคุมตัว ส่วนรองเท้าบูทหลังจากเกิดเหตุ ได้มีการยื้อยุดฉุดกระชากกัน จนทำให้รองเท้าหลุด ซึ่งตนหลังจากก่อเหตุเสร็จด้วยความมืดเลยใส่ผิดข้างกลับมา


ซึ่งขณะนี้ทางตำรวจยังคงไม่ปักใจเชื่อว่าไม่มีการใช้อาวุธ เนื่องจากหลังที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสภาพบาดแผลแล้ว พบว่าบาดแผลเป็นแผลเรียบ ซึ่งต้องเกิดจากการใช้อาวุธอย่างแน่นอน แต่ผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธในส่วนนี้


พ.ต.อ.พูนศักดิ์ เซ็งแซ่ ผกก.สภ.ย่านตาขาว กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุ ก็ได้เก็บวัตถุพยานหลักฐานในที่เกิดเกือบจะได้ทั้งหมด และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เกือบทั้งหมดบ่งชี้ว่าผู้ต้องสงสัยเป็นคนก่อเหตุจริง แต่ยังคงไม่ปฏิเสธนานหลายชั่วโมง จนกระทั่งยอมจำนนรับสารภาพในที่สุด


ขณะที่ นางบำเพ็ญ นิรันรัตน์ อายุ 75 ปี น้องสาวผู้ตาย กล่าวว่า ที่ผ่านมาทราบมาตลอดว่าคนก่อเหตุมายืมเงินผู้ตาย หลายครั้ง ครั้งประมาณ 200-300 บาท แต่ไม่เคยได้เงินคืนกลับ แต่ช่วงหลังๆมาผู้ตายก็ไม่ได้ให้ เนื่องจากที่ติดอยู่ก็ยังไม่เคยให้คืน จนอาจทำให้ผู้ก่อเหตุโกรธแค้น และที่ผ่านมาเคยนำทองปลอมมาจำนำไว้กับผู้ตาย แต่ผู้ตายมารู้ที่หลัง ผู้ตายช่วยเหลือให้ข้าวให้น้ำกินมาตลอด ซึ่งหลังจากรู้ว่าคนก่อเหตุเป็นคนที่ฆ่าคนที่มีพระคุณ รู้สึกเสียใจ ไม่น่าจะกระทำกันได้เช่นนี้


เบื้องต้นจากการพลิกแฟ้มประวัติคดีทางอาญา ทราบว่าผู้ก่อเหตุ เคยต้องโทษในคดีครอบครองและจำหน่ายยาเสพติด จำนวน 30 เม็ด จำคุกอยู่ 5 ปี และพ้นโทษออกมาเมื่อช่วงปี 2545 โดยทางตำรวจได้นำตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติม และอยู่ในระหว่างส่งสำนวนขอศาลอนุติออกหมายจับดำเนินคดีตามกฏหมายในข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News