สังคม
เกษตรกรโคนมระทม หลัง อ.ส.ค.ติดหนี้กว่า 1 พันล้าน วอนคนไทยช่วยกันดื่มนม-ก.เกษตรฯ เร่งแก้ปัญหา
โดย chutikan_o
24 ส.ค. 2568
688 views
เกษตรกรโคนมระทม หลัง อ.ส.ค. ติดหนี้กว่า 1 พันล้าน คาดเดือนกันยายนนี้สหกรณ์จะไม่มีเงินจ่ายให้สมาชิก วอนคนไทยช่วยกันดื่มนม กระทรวงเกษตรฯ เร่งช่วยแก้ปัญหา
วันนี้ (24 ส.ค. 2568) ที่ห้องประชุมสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์ค อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา สมาชิกสหกรณ์โคนมในพื้นที่ 3 อำเภอ ของจังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วย อ.สูงเนิน อ.สีคิ้ว และ อ.ปากช่อง จำนวนกว่า 200 คน เดินทางไปประชุมร่วมกับตัวแทนภาครัฐ และคณะทำงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อหารือแนวทางในการแก้ไขปัญหาเงินค้างจ่ายจากองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย หรือ อ.ส.ค. ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 5 เดือน จนกลายเป็นปัญหาพอกหางหมู รวมมูลค่าเงินค้างจ่ายมากกว่า 1,000 ล้านบาท โดยมีนายมารุต ชุ่มขุนทด คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายอาทร ชัยยันต์ สหกรณ์จังหวัดนครราชสีมา ร่วมรับฟังปัญหาจากที่ประชุมในครั้งนี้ ทั้งนี้ภายหลังจากที่สหกรณ์โคนมในประเทศไทย เผชิญปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาด ทำให้เกษตรกรต้องเททิ้งวันละ 5-8 ตัน สร้างความสูญเสียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผลกระทบจาก FTA ไทย-ออสเตรเลียและไทย-นิวซีแลนด์ ที่ลดภาษีนำเข้านมเป็น 0% ตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 ทำให้เกษตรกรและสหกรณ์โคนมเผชิญความท้าทายทั้งด้านสภาพคล่องและการแข่งขัน แม้รัฐบาลได้ออกมาตรการเร่งด่วน เช่น โครงการรับซื้อน้ำนมดิบ 8.79 ล้านกิโลกรัมต่อรอบการผลิต เงินกู้ 200 ล้านบาท และการปรับราคานมโรงเรียน รวมถึงร่าง พ.ร.บ.โคนม เพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน แต่สถานการณ์ยังคงต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อลดผลกระทบต่อเกษตรกร
นางสมคิด เจือจันทึก สมาชิกสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์ค สูงเนิน กล่าวว่า ขณะนี้ตนเองและเพื่อนเกษตรกรลำบากมากจนแทบจะต้องกินน้ำปลากับข้าวแล้ว เพราะรายได้ไม่พอรายจ่ายจากการที่ อ.ส.ค. ติดหนี้พวกตน การติดหนี้มานาน 5-6 เดือนทำให้ไม่รู้จะเอาอะไรกิน บางฟาร์มต้องขายวัวนมเพื่อพยุงฟาร์ม อย่างที่ฟาร์มของตนเองก็ต้องขายวัวไปส่วนหนึ่งจากที่มีอยู่ 20 กว่าตัว เพื่อนำเงินมาใช้จ่าย บางฟาร์มก็ต้องไปกู้หนี้นอกระบบมา ตนเองมองว่าสถานการณ์นี้เป็นเรื่องผิดปกติ เพราะไม่เคยมีรัฐวิสาหกิจไหนที่เป็นหนี้เกษตรกร มีแต่เกษตรกรที่เป็นหนี้สถาบันการเงิน หนี้สินที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากเมื่อเดือนมีนาคมเพียง 200 กว่าล้านบาท มาเป็นพันล้านบาทในเวลา 4-5 เดือนนั้น เพราะพวกตนต้องรีดนมและส่งนมทุกวันทั้งเช้าและเย็น ทำให้ปริมาณหนี้เพิ่มขึ้นตามค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ที่ผ่านมาไม่เคยเห็น อ.ส.ค. ออกมาชี้แจงให้เกษตรกรทราบเลยว่าดำเนินการอะไรไปถึงไหนแล้ว จะเปลี่ยนนมเป็นเงินให้ได้เมื่อไหร่ อีกทั้งฝ่ายการตลาดก็ไม่มีประสิทธิภาพ ไปดูตามชั้นวางสินค้า จะเห็นนมยี่ห้ออื่นวางอยู่จำนวนมาก แต่ของ อ.ส.ค. มีเพียง 2 กล่อง และยังนำสินค้าที่ใกล้หมดอายุมาจัดโปรโมชั่น 1 แถม 1 ซึ่งไม่ใช่วิธีการขายที่ถูกต้อง ทั้งที่จริงแล้วนมของ อ.ส.ค. เป็นนมที่มีคุณภาพและอร่อยมากทุกรสชาติ พวกตนยังคงยึดมั่นในอาชีพนี้เพราะเป็นอาชีพพระราชทานที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมอบให้และสร้างความภูมิใจ จึงอยากวิงวอนให้คนไทยช่วยกันดื่มนม อ.ส.ค. เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และหวังว่าอาชีพพระราชทานนี้จะไม่เปลี่ยนจาก “น้ำนม” กลายเป็น “น้ำตา”
นายสมาน เหล็งหวาน ประธานสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์ค ปากช่อง กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่ปัญหาของเกษตรกรอย่างเดียว แต่เป็นปัญหาของผู้ประกอบการด้วย ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปีขององค์กรที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 ไม่เคยเจอวิกฤตแบบนี้มาก่อน โดยเฉพาะยอดค้างจ่ายจาก อ.ส.ค. ที่ตอนนี้แตะระดับพันล้านบาทแล้ว จากเดิมเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ยังเป็นหนี้อยู่เพียง 200-300 ล้านบาท ขณะนี้พวกตนในฐานะผู้บริหารสหกรณ์ได้กู้เงินจากทุกแหล่งจนหมดแล้ว และคาดว่าในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ สหกรณ์จะไม่มีเงินจ่ายให้กับสมาชิกเกษตรกร แม้รัฐบาลจะออกมาตรการเงินกู้ 200 ล้านบาทมาช่วย แต่ก็ไม่เพียงพอต่อการเยียวยา เพราะต้องกระจายไปทั้ง 4 ภาคทั่วประเทศ พวกตนได้พยายามร้องเรียนไปยังทุกหน่วยงานตั้งแต่ระดับจังหวัดจนถึงทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภา แต่ก็ได้รับเพียงคำตอบว่าจะดูแลให้ และกลับมามือเปล่าทุกครั้ง สหกรณ์ที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่คือผู้ที่ส่งนมให้กับไทยเดนมาร์ก ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ และมีข้อตกลง MOU ร่วมกัน ทำให้ไม่สามารถนำน้ำนมดิบไปขายที่อื่นได้ ปัจจุบันมีเกษตรกรหลายพันครอบครัว จาก 18 สหกรณ์ที่กำลังเดือดร้อนอย่างหนัก จึงอยากให้ผู้ใหญ่ของบ้านเมืองช่วยดูแลโดยการจัดหางบกลางส่วนใดส่วนหนึ่งมาช่วย อ.ส.ค. ให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปก่อน
นายธีระชัย เกรียงไกรเวคิน ประธานสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์ค สูงเนิน กล่าวว่า เฉพาะสหกรณ์ของตนเองคาดว่ามียอดหนี้ที่ อ.ส.ค. ค้างชำระอยู่เกือบ 80 ล้านบาท โดย อ.ส.ค. จ่ายเงินให้สหกรณ์เพียงงวดละ 25% ซึ่งไม่เพียงพอที่จะนำไปจ่ายให้เกษตรกร ทำให้เกษตรกรเดือดร้อนอย่างหนักจนต้องขายวัวทิ้ง ปัญหานี้ไม่ได้กระทบแค่เกษตรกร แต่กระทบเป็นวงกว้างไปถึงผู้จำหน่ายปัจจัยการผลิต เช่น อาหารสัตว์และปุ๋ยด้วย ที่ผ่านมาสหกรณ์และเกษตรกรต้องไปหาเงินกู้จาก ธ.ก.ส. และกองทุนพัฒนาสหกรณ์มาหมุนเวียนเอง และต้องเป็นผู้รับผิดชอบภาระดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น ซึ่งปีนี้คาดว่าเฉพาะดอกเบี้ยของสหกรณ์สูงเนินก็ไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาทแล้ว สหกรณ์มีค่าใช้จ่ายเฉพาะค่านมและค่าอาหารสัตว์ประมาณเดือนละ 18 ล้านบาท แต่ได้รับเงินจาก อ.ส.ค. เพียงประมาณ 10 ล้านบาท ทำให้ต้องพึ่งพาเงินกู้สถานเดียว ตนมองว่าเงินกู้เป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุและช่วยให้หายใจได้เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น แต่ปัญหาหลักจริงๆ อยู่ที่ อ.ส.ค. ในพื้นที่นี้มีครอบครัวที่เดือดร้อนจริงๆ เกือบ 3,000 ครัวเรือน โดยมีสหกรณ์ในชุมนุมสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์คที่ได้รับผลกระทบรวมตัวกันใน 3 ภาค คือ โคราช 7 สหกรณ์ ภาคกลาง 8 สหกรณ์ และภาคใต้ 3 สหกรณ์ ซึ่งมีวงเงินค้างจ่ายรวมกว่า 700 ล้านบาท พวกตนไม่ทราบว่าการบริหารจัดการของ อ.ส.ค. เป็นอย่างไร แต่รู้เพียงว่าในฐานะที่เป็นต้นน้ำ เมื่อขายนมให้ อ.ส.ค. แล้วก็ต้องได้รับเงินเพื่อมาจ่ายให้เกษตรกร จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งลงมาแก้ไขปัญหาโดยด่วน
นายอาทร ชัยยันต์ สหกรณ์จังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ตนเองเดินทางมาเพื่อให้กำลังใจพี่น้องเกษตรกร และยืนยันว่าภาคราชการไม่ได้ทอดทิ้ง สำหรับจังหวัดนครราชสีมา มีสหกรณ์ 7 แห่งที่ประสบปัญหาเงินค้างจ่ายรวมเกือบ 300 ล้านบาท และยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะ อ.ส.ค. จ่ายเงินน้อยมาก ในการแก้ปัญหาระยะสั้น ได้มีการอนุมัติเงินจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ จำนวน 26 ล้านบาท เพื่อเยียวยาสหกรณ์ทั้ง 7 แห่ง ซึ่งแม้จะไม่มาก แต่อย่างน้อยก็ช่วยเพิ่มสภาพคล่องได้ระดับหนึ่ง และคาดว่าจะได้รับเงินในช่วงต้นเดือนหน้า นอกจากนี้ยังได้ประสานงานให้สหกรณ์ที่มีศักยภาพในจังหวัดเข้ามาช่วยเหลือ โดยสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมาอาจจะเข้ามาช่วยสนับสนุนเงินทุนอีกประมาณ 100 กว่าล้านบาท เพื่อให้สหกรณ์นำไปจ่ายให้สมาชิก ซื้ออาหารวัว และชำระหนี้สิน ยอมรับว่านี่เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นเท่านั้น เพราะ อ.ส.ค. ถือเป็นปัจจัยภายนอกที่ทางจังหวัดไม่สามารถเข้าไปดูแลได้โดยตรง ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาวนั้น คงต้องให้ อ.ส.ค. เข้าสู่กระบวนการแผนกิจการและปรับปรุงกระบวนการ ซึ่งเป็นสิ่งที่สหกรณ์ต้นทางไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ในขณะเดียวกัน สหกรณ์เองก็พยายามหาแหล่งจำหน่ายเพิ่มเติมเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
นายมารุต ชุ่มขุนทด คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า วิกฤตินมครั้งใหญ่นี้เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยภายนอกเรื่องข้อตกลง FTA ที่ทำให้มีการนำเข้านมผงราคาถูกเข้ามาตั้งแต่ต้นปี ส่งผลให้ผู้ประกอบการหันไปใช้นมผงแทนน้ำนมดิบในประเทศ และปัจจัยภายในประเทศที่จำนวนประชากรเด็กลดลงและสังคมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้การบริโภคนมลดลง ขณะที่ อ.ส.ค. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ได้รับมอบหมายให้รับซื้อน้ำนมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร กลับมีความไม่คล่องตัวสูงและมีความสามารถในการระบายสต็อกนมอย่างจำกัด นอกจากนี้ ยังมีความเข้าใจผิดว่านมโรงเรียนมีคุณภาพต่ำ ทั้งที่ความจริงแล้วนมโรงเรียนมีคุณภาพสูงมาก หรือที่เรียกว่า "สเปคเทพ" ซึ่งสูงกว่านมเชิงพาณิชย์ด้วยซ้ำ สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะยาวนั้น คือการสร้างอุปสงค์ใหม่ขึ้นมาเพื่อสร้างสมดุล โดยมีข้อเสนอให้ขยายโครงการนมโรงเรียนให้เด็กอนุบาลและประถมได้ดื่มนม 365 วันต่อปี และขยายไปยังกลุ่มนักเรียนมัธยมต้นซึ่งเป็นวัยเจริญเติบโต พร้อมกันนี้ต้องสร้างความภาคภูมิใจและรณรงค์ให้คนไทยหันมาบริโภคนมไทย-เดนมาร์ค ซึ่งเป็นนมสดคุณภาพสูงจากโครงการพระราชดำริ ขอยืนยันว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในยุคใหม่นี้จะดำเนินการทุกขั้นตอนอย่างโปร่งใส และเงินช่วยเหลือทุกบาททุกสตางค์ที่ ครม. อนุมัติ จะต้องถึงมือเกษตรกรอย่างแน่นอน
แท็กที่เกี่ยวข้อง เกษตรกรโคนม ,อ.ส.ค. ,ติดหนี้